ทำเลที่ตั้งของที่ดิน 48 ไร่ หรือ เซ็นทรัล พหลโยธิน (ชื่อไม่เป็นทางการ) ห่างจากเซ็นทรัลลาดพร้าว 500 ม. ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับ แดนเนรมิต รูปแบบที่ดินเป็นแนวยาว เชื่อม ถ.พหลโยธิน และ ถ.วิภาวดี ห่างจากรถไฟฟ้าสถานี พหลโยธิน 24 เพียง 150 ม.

ที่ดิน 48 ไร่ ที่ CPN เตรียมพัฒนาโครงการ Mixed use อยู่ติด ถ.พหลโยธิน ยาวไปถึง ถ.วิภาวดี โดยในบริเวณนั้นเต็มไปด้วยแหล่งไลฟ์สไตล์หลายรูปแบบ โดยบริเวณใกล้ๆ ก็จะมี ศูนย์การค้าเซ็นทรัลลาดพร้าว ยูเนี่ยยมอลล์ BigC ลาดพร้าว ถัดไปทางตาม ถ.พหลโยธิน ก็จะเจอตลาดนัดจัตุจักร และสวนสาธารณะ 3 สวน และในอนาคตที่จะมีการพัฒนาที่ดินของ รฟม. รอบสถานีกลางบางซื่อ กว่า 2,325 ไร่ ให้เป็นโครงการ Mixed use ขนาดใหญ่ ก็จะส่งเสริมศักยภาพของทำเลนี้ไปอีกระดับ และมีการแบ่งแปลงเพื่อพัฒนาดังนี้ แปลง A 35 ไร่ เป็นพื้นที่สำนักงานของ รฟท. และร้านค้าร้านอาหารสำหรับคนที่มาใช้บริการสถานีกลางบางซื่อ

• แปลง B 78 ไร่ เป็น ASEAN Commercial and Business Hub
• แปลง C 105 ไร่ เป็น SMART Healthy and Vibrant Town สำหรับการจัดประชุมนานาชาติ การจัดนิทรรศการ ศูนย์กีฬาขนาดใหญ่
• แปลง D 87.5 ไร่ เป็น World Renowned Garden Interchange Plaza
• แปลง E 128 ไร่ พัฒนาเป็น Mixed use สำนักงาน ค้าปลีก และ โรงแรม
• แปลง F พัฒนาเป็นศูนย์การค้า
• แปลง G บริเวณ กม.11 พื้นที่รวม 360 ไร่
• แปลง H Mixed use
• แปลง I Residential Area

ความเป็นมาของที่ดินแห่งนี้เรียกได้ว่าเป็น มหากาพย์ กันเลย โดยเริ่มจาก ปี 2538 ยูนิเวสท์ แลนด์ ของตละกูลบุญดีเจริญ ได้ประกาศเปิดตัวโครงการ บางกอกโดม พลาซ่า ที่เป็น Mixed use รวมศูนย์การค้า โรงแรม และคอนโด หลังจากเปิดตัวก็ได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดี ต่อมาในปี 2540 ได้เกิดวิกฤตต้มยำกุ้ง บริษัทไม่สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ และที่ดินจึงถูกยึดเข้าอยู่ กรมบังคับคดี มีความพยายามจะนำที่ดินนี้ออกมาประมูลอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่สำเร็จ จนมาในปี 2558 Bayswater บริษัทร่วมทุนระหว่าง G land และ BTS ก็ได้ประมูลที่ดิน 48 ไร่ นี้มาได้ในราคา 7,350 ลบ. เรียกได้ว่าที่ดินได้กลับมาหาเข้าของเดิมแล้ว แต่ต่อมาในปี 2561 CPN ได้เข้าซื้อ G land และหุ้นของ Bayswater ทั้งหมดจาก BTS ทำให้ตอนนี้ที่ดินแห่งนี้ก็ตกเป็นของ CPN ไป นอกจากนี้ CPN ยังได้ที่ดินบริเวณ พระราม9 มาด้วย และพอมาถึงปี 2565 CPN ก็ได้มีการเตรียมในการพัฒนาโครงการในที่ดินแห่งนี้ ให้เป็น Mixed use ที่มี ศูนย์การค้า โรงแรม สำนักงาน และที่อยู่อาศัย มีกำหนดการแล้วเสร็จในปี 2571 ซึ่งถ้ามาเทียบช่วงเวลากับเซ็นทรัลลาดพร้าว ที่จะหมดสัญญาการเช่าที่ดินในปี 2571 พอดี ก็ต้องดูกันต่อว่า CPN จะเช่าต่อหรือไม่

ที่ดิน 48 ไร่ ได้ถูกนำมาแบ่งการพัฒนาเป็น 2 เฟส เฟส 1 พัฒนา ศูนย์การค้า 6-7 ชั้น ริม ถ.พหลโยธิน ซึ่งตำแหน่งยังไม่แน่นอน ต้องรอติดตามกันต่อไป เฟส 2 พัฒนา โรงแรม ที่อยู่อาศัย และ อาคารสำนักงาน โดยจะมีการทำถนน เพื่อเชื่อมระหว่าง ถ.พหลโยธิน กับ ถ.วิภาวดี ด้วย ซึ่งทั้งโครงการมีกำหนดแล้วเสร็จในปี 2571

และ เซ็นทรัลลาดพร้าว ละ จะเป็นอย่างไรเมื่อถึงปี 2571 ที่หมดสัญญาการเช่าที่ดินกับ รฟม. ขอแบ่งความเป็นไปได้ 2 ทาง คือ ต่อสัญญา กับ ไม่ต่อสัญญา เริ่มที่ ถ้า CPN ต่อสัญญา ทำเลนี้ก็จะคึกคักขึ้นไปอีก จากเซ็นทรัลทั้ง 2 โครงการ ที่จะเชื่อมโยงกันแบบ เซ็นทรัลเวิร์ด เช็นทรัลชิตลม กับเซ็นทรัลเอ็มบาสซี่ หรือกลายเป็นย่านช้อปปิ้งแบบ The Em District และถ้ามีการต่อสัญญา เซ็นทรัลลาดพร้าว น่าจะได้รับการรีโนเวท ให้มีความทันสมัย เพิ่มพื้นที่ และตอบโจทย์ขาช้อปมากขึ้น เพราะตัวอาคารก็เก่ามากแล้ว และยิ่ง Centara Grand ที่อยู่ด้านหลังก็น่าจะได้รับการปรับปรุงให้ดีมากขึ้นไปด้วย และถ้าเป็นฝั่ง ไม่ต่อสัญญา ละ เราก็อาจจะได้เห็น Developer เจ้าอื่นเข้ามาเช่าแทน พัฒนาเป็นศูนย์การค้าใหม่ และ CPN ก็ไม่ทุ่มเทในการพัฒนา ที่ดิน 48 ไร่ ให้มีศักยภาพที่เด่นทัดเทียมเซ็นทรัลลาดพร้าว ซึ่งค่าเช่าที่ดินที่สูงมากถึงเกือบ 1,100 บาท/ปี แต่ในขนาดเดียวกับ เซ็นทรัลลาดพร้าว ก็สร้างรายได้มากที่สุดในบรรดาศูนย์การค้าสาขาอื่นๆ ทำให้ก็มีโอกาสทั้ง 2 ทางที่ CPN ต้องตัดสินใจต่อไป

จะปิดหรือไม่ปิดก็ไม่แน่ แต่ตอนนี้มีการปรับปรุงเพิ่มโซนใหม่มาเพียบเลย ภายใต้งบประมาณกว่า 600 ล้านบาท ขยายและเพิ่มโซนใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าและศักยภาพของคนในพื้นที่ซึ่งมีความหลากหลาย รองรับกลุ่มคนรุ่นใหม่ วัยทำงาน ที่มีกำลังซื้อค่อนข้างสูง