“HAUS”แบรนด์คอนโดสไตล์รีสอร์ต
ที่อยู่แล้วเหมือนบ้านพักตากอากาศ
หากต้องการคอนโดที่มีบรรยากาศสไตล์รีสอร์ท ให้ความรู้สึกถึงการพักผ่อนท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติและพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ ต้องแบรนด์ "HAUS" จากแสนสิริ ที่เป็นแบรนด์คอนโดที่ทำแล้วใช่ที่สุดแบรนด์หนึ่งของตลาดคอนโด แถมยังมีจุดเด่นในเรื่องของพื้นที่ส่วนกลางในโครงการที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่หลากหลาย อีกทั้งเหมาะกับคนหลากหลายไลฟ์สไตล์ และทุกเพศทุกวัยอีกด้วย
นอกจากคอนโดสไตล์รีสอร์ทที่น่าอยู่แล้ว บรรยากาศโดยรอบของโครงการก็สำคัญเช่นกัน โดยเฉพาะคอนโดแบรนด์ "HAUS" ที่อยู่ในพื้นที่อาณาจักร T77 ซึ่งมีความเป็น International Community สามารถทำกิจกรรมได้หลากหลาย เนื่องจากมีทั้งคอมมูนิตี้มอลล์ โรงเรียนนานาชาติ โรงพยาบาลฟัน พื้นที่ไร่สวนขนาดใหญ่ และที่สำคัญสำนักงานใหญ่ของแสนสิริ ตั้งอยู่ในพื้นที่นี้เช่นกัน ซึ่งทำให้ลูกบ้านที่อยู่ในโครงการสามารถอุ่นใจได้ โดยในบทความนี้จะมีเรื่องราวเกี่ยวกับคอนโดแบรนด์ "HAUS"ประเด็นไหนที่น่าสนใจบ้าง ลองไปอ่านต่อได้เลยครับ
คอนโดแบรนด์ HAUS กับแนวคิดสไตล์รีสอร์ท
หากพูดถึงคอนโดแบรนด์ "HAUS" ในแง่ของบรรยากาศสไตล์รีสอร์ท ซึ่งเป็นจุดแข็งที่ทำให้เวลาลูกบ้านได้อยู่อาศัยจริง จะรู้สึกเหมือนกับการไปพักผ่อน โดยที่ไม่ต้องรอวันหยุดเลยทีเดียว คอนโดแบรนด์ "HAUS" มีอยู่ด้วยกันทั้ง 5 แห่ง ซึ่งเป็นคอนโดแบบ Low-Rise อยู่ 4 แห่ง ได้แก่ hasu HAUS, mori HAUS, taka HAUS และ kawa HAUS อีกทั้งยังมีคอนโดแบบ High-Rise อีก 1 แห่ง คือ oka HAUS นั่นเอง
แม้ว่าคอนโดแบรนด์ HAUS จะเป็นรูปแบบสไตล์รีสอร์ททั้งหมด แต่ยังมีความแตกต่างของเรื่องของแนวคิด ที่มีความเฉพาะตัวอยู่ในแต่ละโครงการ โดยแนวคิดของ hasu HAUS คือ a space that says life is good ที่มีความเป็นส่วนตัวแต่ยังตอบโจทย์ในเรื่องของทำเลและการเดินทาง ต่อมา mori HAUS มีแนวคิด TREES OF LIFE ซึ่งเน้นภูมิทัศน์และพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ ซึ่งคล้ายกับ kawa HAUS ที่มีแนวคิด Living as a part of nature ซึ่งรูปแบบของธรรมชาติที่ถูกสอดแทรกทั้งพื้นที่สีเขียวและสถาปัตยกรรมในโครงการ ส่วน taka HAUS มีแนวคิด STAY UNIQUE, STAY DIVERSE ซึ่งต้องการให้พื้นที่ตอบโจทย์ของไลฟ์สไตล์ที่มีความหลากหลาย และ oka HAUS มีแนวคิด Retreat & Rebound เสมือนเป็นพื้นที่พักผ่อนที่ได้ชาร์ตพลัง สร้างแรงบันดาลใจให้กับชีวิตอีกด้วย
คอนโด HAUS 5 โครงการที่เปิดตัวอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2014
คอนโดของแบรนด์ HAUS โครงการแรกเปิดตัวตั้งแต่ปี 2014 คือ hasu HAUS และโครงการที่เปิดตัวในปี 2016 เป็นลำดับถัดมาคือ mori HAUS โดยในปัจจุบันทั้งสองโครงการได้ขายไปหมดแล้ว ต่อมาโครงการที่เปิดตัวในปี 2017 มีอยู่ทั้งหมด 3 โครงการ ได้แก่ taka HAUS ซึ่งขายไปหมดแล้วเช่นเดียวกัน, kawa HAUS สามารถทำยอดขายไปได้มากถึง 70 % โดยปัจจุบันโครงการสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว และโครงการล่าสุดที่เปิดตัวในปี 2017 เช่นเดียวกัน แถมยังฉีกแนวเป็นคอนโดแบบ High-Rise นั่นก็คือ oka HAUS ซึ่งจะสร้างแล้วเสร็จในปลายปี 2020
kawa HAUS คอนโดล่าสุดในแบรนด์ HAUS ที่ยังเปิดขายอยู่
- โครงการ : kawa HAUS (คาวะ เฮ้าส์)
- ผู้พัฒนาโครงการ : บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)
- ที่ตั้ง : ซ.ริมคลองพระโขนง ถ.สุขุมวิท77 วัฒนา กรุงเทพฯ
- ขนาดโครงการ : 6 ไร่
- รูปแบบโครงการ : คอนโดมิเนียมแบบ Low-Rise 7 ชั้น 3 อาคาร
- จำนวนที่จอดรถ : 45%
- จำนวนยูนิต : 546 ยูนิต
- รูปแบบห้องพักอาศัย :
- - 1 ห้องนอน ขนาด 29.75 - 43.75 ตร.ม.
- - 2 ห้องนอน ขนาด 50.5 - 79.25 ตร.ม.
kawa HAUS กับแนวคิดที่สอดแทรกในงานดีไซน์
ด้วยแนวคิด "Living as a part of nature" ของโครงการที่ต้องการเน้นบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติของการอยู่อาศัย และด้วยคำว่า kawa ที่เป็นชื่อของโครงการ มีความหมายในภาษาไทยหมายถึง สายน้ำ และหากลองจินตนาการบรรยากาศสายน้ำแบบญี่ปุ่นท่ามกลางไม้ไผ่แล้ว ไม้ไผ่จึงเป็นดีไซน์หลักที่ถูกถ่ายทอดผ่านสถาปัตยกรรมของตัวอาคารตามภาพ
นอกจากงานดีไซน์ในเชิงความสวยงาม ในแง่ของฟังก์ชั่นกับแนวคิด “Haus Signature The Frame” ที่บานหน้าต่างของตัวห้องพักสามารถเปิดระเบียงดูวิวริมนํ้า หรือ รับลมธรรมชาติ ได้แบบเต็มเฟรม เสมือนกับบรรยากาศของรีสอร์ทตามต่างจังหวัด สร้างบรรยากาศความสุนทรีย์ให้กับผู้อยู่อาศัย
จุดเด่นของส่วนกลางที่มีดีมากกว่า Low Rise ทั่วๆไป
kawa HAUS มีพื้นที่ส่วนกลางกว่า 6,000 ตร.ม. ซึ่งถือว่ามีขนาดใหญ่กว่าส่วนกลางของโครงการ Low-Rise ทั่วไปอยู่มาก โดยฟังก์ชั่นการใช้งานมีทั้งพื้นที่แลนด์สเคปและภายในอาคาร ซึ่งพื้นที่ส่วนกลางภายนอกของอาคาร ประกอบไปด้วย Sansiri Backyard, Garden, Swimming Pool, Jacuzzi และ Canal side & BBQ โดยความน่าสนใจของพื้นที่ส่วนกลางที่อยู่นอกอาคาร คือมีพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ที่มีความร่มรื่น สระว่ายน้ำมีขนาดใหญ่ยาวถึง 30 เมตร และมีพื้นที่สามารถรับวิวริมคลองพระโขนงในมุมกว้างได้ โดยโครงการอยู่ติดแนวคลองยาวถึง 150 เมตร
พื้นที่ส่วนกลางภายในอาคาร ประกอบไปด้วย Co-working space, Co-Pantry, Lobby, Lounge และ Fitness ซึ่งจุดเด่นของพื้นที่โซนภายในอาคาร มีฟังก์ชั่นที่หลากหลาย แถมยังมีการแยกสัดส่วนของพื้นที่การใช้งานที่ชัดเจน ซึ่งพื้นที่โซนต่างๆ มีขนาดใหญ่ โดยเฉพาะห้อง Fitness ที่มีขนาดใหญ่ถึง 150 ตร.ม. มีเครื่องเล่นที่หลากหลายเพียงพอต่อการใช้งานของลูกบ้านอีกด้วย นอกจากนี้พื้นที่ Co-Pantry สามารถจองพื้นที่สำหรับการจัดงานปาร์ตี้ได้อีกด้วย
บรรยากาศภาพจริงพื้นที่ส่วนกลาง
วิเคราะห์ UNIT TYPE
1 ห้องนอน 34 ตร.ม.
ด้วยจุดเด่นของตัวห้องที่มีการแบ่งพื้นที่สำหรับฟังก์ชั่นกิจกรรมและการพักผ่อนได้แบบชัดเจน ทำให้มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นสำหรับการพักผ่อนอีกด้วย อีกทั้งพื้นที่ในห้องมีการแบ่งสัดส่วนของฟังก์ชั่น ซึ่งทำให้เกิดการใช้พื้นที่ของตัวห้องได้อย่างคุ้มค่า อีกทั้งหน้าต่างของตัวห้องเป็นแบบ HAUS Signature The Frame สามารถเปิดบานหน้าต่างได้ 90 องศา รับลมและวิวแบบธรรมชาติได้อย่างเต็มอิ่ม
นอกจากนี้สิ่งที่ให้มาพร้อมกับตัวห้องคือชุดเครื่องครัวจาก MEX พร้อมพื้นที่ครัวแบบ Built-in อีกด้วย และห้องน้ำที่มีสุขภัณฑ์แบบอัตโนมัติจาก Toto ที่อาบน้ำแบบ Rain Shower อีกด้วย
1 ห้องนอน 37 ตร.ม.
ด้วยจุดเด่นของตัวห้องที่มีบานสไลด์กระจกแบ่งพื้นที่การใช้งานในแต่ละส่วน ซึ่งทำให้พื้นที่ของตัวห้องดูกว้างขวาง แถมพื้นที่ห้องครัวเป็นแบบครัวปิด ทำให้กลิ่นของอาหารไม่รบกวนพื้นที่ในส่วนอื่นๆ อีกด้วย และอีกหนึ่งจุดเด่นก็คือ ด้วยพื้นที่ของตัวห้องที่มีระเบียงกว้าง ทำให้แสงธรรมชาติเขามาในห้องได้อย่างทั่วถึง
นอกจากนี้สิ่งที่ให้มาพร้อมกับตัวห้องคือชุดเครื่องครัวจาก MEX พร้อมพื้นที่ครัวแบบ Built-in, ห้องน้ำที่มีสุขภัณฑ์แบบอัตโนมัติ ที่อาบน้ำแบบ Rain Shower และยังมีตู้เสื้อผ้า Built-in ที่เป็นพื้นที่แบบ Walk-in closet ทำให้มีความเป็นส่วนตัว สำหรับการสวมใส่เครื่องแต่งกาย
T77 ครบทุกฟังก์ชั่น ตอบโจทย์ความคอมมูนิตี้
โครงการ kawa Haus ส่วนหนึ่งในอาณาจักร T77 ที่มีพื้นที่หลากหลายโครงการ ทั้งคอมมูนิตี้มอลล์ โรงเรียนนานาชาติ Bangkok Prep คลินิคหมอฟัน พื้นที่ไร่สวนขนาดใหญ่ และที่สำคัญสำนักงานใหญ่ของแสนสิริ ตั้งอยู่ในพื้นที่นี้เช่นกัน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ครบครันด้านสิ่งอำนวยความสะดวก แถมยังมีความเป็น International Community อีกด้วย ซึ่งกลุ่มลูกค้าในพื้นที่จะมีหลากหลายเชื้อชาติอยู่ด้วยกัน
โดยพื้นที่ในอาณาจักร T77 มีจุดเด่นในแง่ของทำเลที่สามารถเข้าออกได้หลายทาง ทั้งทางพิเศษศรีรัช และถนนอ่อนนุชที่สามารถเชื่อมต่อไปรถไฟฟ้าสายสีเขียวได้ (ทางโครงการมี Shuttle bus รับ-ส่งถึงหน้าสถานีรถไฟฟ้า) นอกจากนี้ในแง่ในของทัศนียภาพถือเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นที่น่าสนใจเนื่องจาก ในพื้นที่อยู่ติดริมน้ำคลองพระโขนง ซึ่งเป็นคลองที่ไม่มีกลิ่นเหม็นอีกด้วย
อาณาจักร T77 ปล่อยเช่าคุ้ม เหมาะกับการลงทุน
อีกแง่นึงที่น่าสนใจนอกจากการอยู่อาศัยแล้ว ในเชิงของการลงทุนให้ปล่อยเช่าก็น่าสนใจเช่นกัน เนื่องจากโครงการที่พักอาศัยในอาณาจักร T77 มีอัตราผลตอบแทนค่าเช่าเฉลี่ยอยู่ที่ 5-6% ต่อปี แถมมีค่าเช่าที่เพิ่มขึ้น 8% ต่อปี และค่าเช่าเฉลี่ย ณ ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 600 บาท หากใครที่คาดว่าจะซื้อลงทุนก็ถือว่าน่าสนใจไม่แพ้บรรยากาศสวยๆ ของโครงการแบบนี้เลยล่ะครับ
