หากเริ่มต้นที่การตั้งคำถามว่า “ทำเลแบบไหนน่าลงทุนคอนโด ?”  คำตอบที่ผุดขึ้นมาเป็นอันดับต้นๆ จะต้องมี ‘ทำเลใกล้มหาลัย’ อย่างแน่นอนครับ ซึ่งโพสนี้เราจะมาพูดถึงหนึ่งใน ‘ทำเลใกล้มหาลัย’ อย่าง 

‘แยกเกษตร’ โดยที่จะลงลึกไปในพื้นที่ ‘ซ. พหลโยธิน 34’ (ส่วนเหตุผลว่าทำไมถึงเป็นซอยนี้ เดี๋ยวจะอธิบายอีกทีนะครับ) 

.

สำหรับ ‘ทำเลแยกเกษตร’  เราคงไม่ต้องอารัมภบทเกี่ยวกับตำแหน่งที่ตั้งของทำเลนี้กันเสียเท่าไหร่นะครับ เชื่อหลายคนน่าจะทราบกันดีอยู่แล้วว่าทำเลนี้อยู่ตรงไหน แต่ถ้าจะให้เล่าคร่าวๆ คือ แยกตรงที่ ถ.ประเสริฐมนูกิจและ ถ.งามวงศ์วาน ตัดกับพหลโยธินครับ ซึ่ง ม.เกษตร จะอยู่ตรงแยกนี้เลยครับ

.

รายละเอียดต่างๆ สามารถอ่านได้ในคำอธิบายในแต่ละรูปเลยครับ

ศักยภาพและข้อดีการลงทุนคอนโดในทำเล ‘แยกเกษตร’

จุดเด่นหลักๆ ของทำเล ‘แยกเกษตร’ นั้นจะสามารถสรุปออกมาได้ 5 ประเด็นดังต่อไปนี้ครับ

1. มี Demand ของนิสิตและ First Jobber ที่มีการเพิ่มขึ้นและหมุนเวียนในทุกปี กลุ่มเป้าหมายหลักที่สำหรับตลาดคอนโดในทำเลจะแบ่งได้ 2 กลุ่มใหญ่ๆ  คือ กลุ่มนิสิต-นักศึกษา และกลุ่ม First Jobber
2. ราคาเฉลี่ยของคอนโดในทำเลอยู่ในช่วง 75,000 - 100,000 บ./ตร.ม. และมีราคาเริ่มต้นประมาณ 1.3-2 ลบ. จัดเป็นราคาในระดับ Economy จนถึงระดับ Main Class ซึ่งเป็นช่วงราคาที่เข้าถึงและจับต้องได้มากที่สุด จึงเหมาะกับทั้งกลุ่มนิสิตนักศึกษาและกลุ่มนักลงทุน
3. ในด้านการลงทุนทำเลแยกเกษตรนี้เองจะมีอัตราผลตอบแทนในการปล่อยเช่า หรือ Rental Yield อยู่ในช่วง 3.5-6%
4. สะดวกด้านการเดินทาง แยกเกษตรในปัจจุบันนั้น มีศักยภาพในด้านการเดินทางทั้งด้วยรถส่วนตัว และการขนส่งสาธารณะสามารถเดินทางเข้าออกกรุงเทพฯและปริมณฑลได้สะดวก
5. อุดมไปด้วยของอุปโภคบริโภค - เนื่องด้วยทำเลแยกเกษตรนี้เป็นทั้งแหล่งงานและสถานศึกษา จึงไม่แปลกเลยที่ทำเลแห่งนี้จะเต็มไปด้วยร้านค้าร้านอาหารเพื่อตอบสนองอุปสงค์ที่เกิดขึ้นจากทั้งคนทำงานและนิสิตนักศึกษา โดยเฉพาะใน ซ.พหลโยธิน 34 ที่เป็นโซนย่อยของทำเลแยกเกษตรนี้เอง ที่ตลอดทั้งซอยนี้มีครบแทบทุกอย่างในการใช้ชีวิต ซึ่งเดี๋ยวเราจะมาขยายความซอยนี้กันอีกทีครับ

Demand ของนิสิตเกษตรและกลุ่มคนทำงานในทำเลแยกเกษตร

ก่อนจะไปลงลึกด้านทำเล อีกหนึ่งเรื่องที่จะไม่พูดถึงไปเสียไม่ได้เลย คงนี้ไม่พ้นเรื่อง Target Group ของผู้ที่ต้องการที่อยู่อาศัยในทำเลนี้ 

เริ่มจากกลุ่มนิสิต-นักศึกษา นะครับ นิสิตที่เข้าเรียนที่เข้าเรียนที่ ม.เกษตร นั้นจากจะอัตราการเพิ่มขึ้นในทุกๆปี และในปี 2021 ม.เกษตรจะมีนิสิตทั้งหมดประมาณ 37,000 คน โดยแบ่งเป็นนิสิตใหม่จำนวน 10,400 คน (เพิ่มจากปีการศึกษาที่แล้ว 1.7%)

กลุ่มที่ 2 คือ First Jobber ที่ในทำเลนี้จะมีแหล่งงานใหญ่ๆ หลายแห่ง อาทิ ธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่, ธกส. สำนักงานใหญ่, RS Group เป็นต้น รวมถึงสถานที่ราชการต่างๆ ทั้ง กฟภ., กรมป่าไม้, กรมพัฒนาที่ดิน, กรมส่งเสริมการเกษตร เป็นต้น ที่รวมๆแล้วประมาณ 78,500  คนครับ และหากมองภาพรวมจำนวนประชากรในเขตบางเขนที่อายุุ 22-60 ปีจะมีมากถึง 52,000 คนเลยครับ

การที่ปริมาณเพิ่มของนิสิตและกลุ่มคนทำงานในพื้นที่ เท่ากับว่าจะมี Demand ของคนที่ต้องการที่อยู่อาศัยมากขึ้นนั่นเอง

คราวนี้เรามาค่อยๆ ซูมเข้าไปในแต่ละโซนย่อยของทำเลแยกเกษตรกันครับ สำหรับตลาดคอนโดฯ ในทำเลแยกเกษตร เราจะสามารถแบ่งได้ตามลักษณะทางกายภาพได้ใหญ่ๆ ได้ 3 โซนด้วยกัน ดังนี้ครับ 1.โซน ถ.งามวงศ์วาน ที่อยู่ตรงข้าม ม.เกษตร 2.โซนริม ถ.พหลโยธิน ที่อยู่ติดกับ ม.เกษตร และมีรถไฟฟ้า BTS วิ่ง

และสุดท้าย 3. โซน ซ.พหลโยธิน 34 ที่อยู่ฝั่ง ถ.ประเสริฐมนูกิจ ที่ถึงแม้จะไม่ได้ติด ม.เกษตร แต่ก็มีข้อดีที่ไม่แพ้โซนอื่นๆครับ

เริ่มจากโซน ‘ถ.งามวงศ์วาน’ ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ม.เกษตร ในโซนถือว่าเป็นโซนที่ใกล้กับมหาวิทยาลัยมากที่สุด อีกทั้งบริเวณริม ถ.งามวงศ์วาน เองก็มีร้านค้าร้านอาหารอยู่ไม่น้อย ทั้งนี้ทั้งนั้นคอนโดในโซนนี้กลับไม่ได้เยอะตามไปด้วย และส่วนมากเป็นคอนโดที่อยู่ในช่วง 5-6 ปีก่อน แต่ด้วยความใกล้ ม.เกษตร ทำให้โซนนี้มี ราคาเฉลี่ยประมาณ 100,000 บ./ตร.ม.  มีราคารีเซลเริ่มที่ประมาณ 2.8-3 ลบ. และ Rental Yield 3.5-4.5%

.

ด้านโซน ‘ริม ถ.พหลโยธิน’นั้นจุดเด่นสำคัญคือความใกล้กับรถไฟฟ้า BTS ที่เปิดให้บริการแล้วในปัจจุบัน ทำให้สะดวกในการเดินทางเข้าเมืองครับ โดยสถานีที่ในทำเลนี้คือ ‘สถานีเสนานิคม’

ด้วยความเป็นถนนใหญ่ของ ถ.พหลโยธิน และความสะดวกของ BTS ทำให้คอนโดที่อยู่ในโซนนี้มีมูลค่าเฉลี่ยสูงที่สุดในบรรดาโซนย่อยอื่นๆ ในทำเลแยกเกษตร โดยจะอยู่ในช่วง 75,000-166,000 บ./ตร.ม.  หรือเฉลี่ยประมาณ 115,000 บ./ตร.ม. ส่วนราคาต่อยูนิตนั้น ถ้าเป็น Low Rise จะเริ่มอยู่ในช่วง 1.9-3.5 ลบ. ส่วน High Rise จะเริ่มตั้งแต่ 3.5 ลบ. ขึ้นไป และ Rental Yield 4-5% ครับ

สุดท้ายกับโซน ‘ซ.พหลโยธิน 34’ เป็นซอยที่เชื่อมตั้งแต่ ถ.พหลโยธิน ไปจนถึง ถ.ประเสริฐมนูกิจ ผ่าน ซ.พหลโยธิน 34 แยก 11 โดยมีความยาวประมาณ 1.3 กม. ครับ ซึ่ง ซ.พหลฯ 34 แยก 11 นี้เองจะเป็นโซนที่ตั้งของคอนโดและหอพักหลากหลายเจ้า จนเกิดเปิดเป็นคอมมูนิตี้ของนิสิตเกษตรเลยครับ

คอนโดในโซนนี้ถือว่ามีการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ปี 2011 เรื่อยมาครับ อาจมีชะลอไปบ้างในช่วง Covid-19 ทั้งนี้ด้านราคา โซนนี้ถือว่ามีราคาที่จับต้องได้มากที่สุดจากทั้ง 3 โซน จะอยู่ในช่วง 50,000 - 90,000 บ./ตร.ม. แล้วแต่ความเก่าใหม่ของแต่ละคอนโดครับ ส่วนราคาต่อยูนิตจะเริ่มต้นที่ประมาณ 1.3 - 2.3 ลบ. และ Rental Yield 5-6% ครับ

หากมองในมุมของผู้ปกครองหรือนิสิตที่กำลังมองหาที่พักอยู่ใกล้มหาวิทยาลัยอยู่นั้น โจทย์ใหญ่ๆ ที่หลายครอบครัวต้องพิจารณาคงหนีไม่พ้น “หอพัก vs คอนโด” ซึ่งหากเทียบกันตรงๆแล้ว แน่นอนว่าหอพักย่อมมีราคาที่ต้องจ่ายต่อเดือนที่น้อยกว่าเช่าหรือผ่อนคอนโดแน่นอน ซึ่งจะนำมาสู่คำถามถัดไปอย่าง “คอนโดมีอะไรให้เราบ้าง เพื่อแลกกับการที่ต้องจ่ายแพงขึ้น” 

คำถามนี้สามารถตอบได้ 2 แบบครับ

 แบบแรกคือ ‘เช่าคอนโด’ สิ่งที่ได้ครับมาอยากแรกเลยคือ ‘ความปลอดภัย’ เนื่องจากคอนโดนั้นจะมีการรักษาความปลอดภัยที่มากกว่าหอพักทั้งในเรื่องของ รปภ., กล้อง CCTV รวมไปถึงระบบ Keycard ของห้องพักครับ 

ถัดมาคือได้ในเรื่องของ ‘พื้นที่ส่วนกลาง’ ฟิตเนส,สระว่ายน้ำ,พื้นที่สีเขียว และ Co-working Space ล้วนแล้วแต่มาช่วยเสริมให้ที่อยู่อาศัยไม่ได้มีไว้แค่นอนอย่างเดียวแต่คือที่ที่เราสามารถใช้ชีวิตได้สะดวกยิ่งขึ้นนั่นเองครับ 

สุดท้ายคือ ‘ทางเลือก’ ครับ หรือพูดเต็มๆ คือ ทางเลือกในการเลือกรูปแบบห้องพักให้ตรงกับความต้องการของผู้อยู่คอนโดนั้นมีรูปแบบให้เลือกตั้งแต่ Studio ไปจนถึง 2 Bedroomเลยละครับ

พูดถึงเช่าไปแล้ว ทีนี้ถ้าเกิดเลือกที่จะ ‘ซื้อคอนโด’ ล่ะ …จริงอยู่ที่การซื้อนั้นอาจหมายถึงภาระผูกพัน แต่หากเรามองเป็นการลงทุนแล้วนั้นอาจจะเห็นภาพได้ชัดขึ้น ในแง่ที่เป็นการลงทุนเพื่ออนาคต หากว่าใน 4 ปีแรกเราเสียค่าผ่อนคอนโดในการอยู่อาศัยเอง หลังจากที่เรียนจบก็มีทางเลือกในการสร้างกำไรจากคอนโดที่เราเป็นเจ้าของได้ 2 อย่าง นั่นคือ 1.ขาย เพื่อเอากำไรจากการเติบโตของราคา หรือ 2.ปล่อยเช่า เพื่อเอากำไรจากค่าเช่าในแต่ละเดือน 

แต่การเก็บไว้อยู่เองหลังเรียนจบนั้น ก็ไม่ใช่ความคิดที่ผิดนะครับ เพราะในโซนนี้อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่านอกเหนือจากการเป็นคอนโดใกล้มหาวิทยาลัยแล้ว ยังอยู่ในทำเลที่เป็นแหล่งงานที่มีความสะดวกด้านการเดินทางครับ เรียกได้ว่าอยู่ได้ยาวๆตั้งแต่เรียนยันทำงานเลยครับ

ในมุมมองของคนที่ทำงานในทำเลนี้ หรือ First Jobber คอนโดในโซน ซ.พหลฯ 34 นี้เองไม่จำเป็นต้องเป็นนิสิต ม.เกษตร เพียงอย่างเดียวก็สามารถซื้อ/เช่า คอนโดในโซนนี้ได้นะครับ ซึ่งเหตุใหญ่ๆ จะมีดังนี้ครับ

ข้อแรก ทำเลนี้ถือว่าเป็นทำเลแหล่งงาน  อีกทั้งยังสามารถเดินทางเข้าออกเมืองได้สะดวก จึงเหมาะสำหรับกลุ่ม First Jobber ที่ต้องการขยับจากโซนปริมณฑลเข้ามาทำงานในเมือง

ข้อที่สองนั้นคือเรื่องของราคาของคอนโดที่ราคาในโซนนี้ ไม่ได้สูงเท่าพื้นที่กรุงเทพฯชั้นใน ทำให้กลุ่ม First Jobber สามารถกู้/ผ่อนได้แบบไม่ตึงมือมากนักครับ

มุมมองสุดท้ายคือ มุมมองของนักลงทุน คอนโดในโซน ซ.พหลฯ 34 มีข้อดี 2 ข้อใหญ่ๆ นอกเหนือจากที่กล่าวมาในมุมมองอื่นๆ ข้อแรกคือเรื่องอัตราผลตอบแทนที่ผ่านมาของคอนโดใน ซ.พหลฯ 34 นี้อยู่ที่ 5-6% ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพึงพอใจสำหรับเหล่านักลงทุน ส่วนอีกข้อคือเรื่องของกลุ่มผู้เช่า ที่จะมีการหมุนเวียนเปลี่ยนเข้ามาใหม่เรื่อยๆ ตามปีการศึกษาของมหาวิทยาลัย เท่ากับว่ามีโอกาสหาผู้เช่าใหม่ๆ ได้เสมอนั่นเอง

ศักยภาพของ ซ.พหลฯ 34 นั้นถูกพิสูจน์ห้กระจ่างชัด ด้วยการเกิดขึ้นของคอนโดมากมายภายในซอยแห่งนี้ และมากที่สุดใน 3 โซนในทำเลแยกเกษตรครับ

และในปี 2022 นี้เอง ที่ทาง Assert Wise ได้ทำการเปิดตัวโครงการใหม่ในรอบ 5 ปี ที่อยู่ใน ‘ซ.พหลโยธิน 34’ นี้ภายใต้แบรนด์ ‘KAVE Seed Kaset’ ครับ โดยโครงการนี้จะเป็นโครงการ Low Rise สูง 8 ชั้น 3 อาคาร จำนวน 600 ยูนิต ครับ

แนวคิดของโครงการนี้เริ่มต้นจากความต้องการให้ตัวโครงการไม่ได้เป็นเพียงแค่ที่อยู่อาศัย แต่ยังเป็นพื้นที่แห่งความสนุกสนาน สร้างสรรค์และสร้างแรงบันดาลใจสู่ความสำเร็จครับ โดยอุปมาเปรียบเปรยกับเมล็ดพันธุ์ (Seed) ที่พร้อมเจริญงอกงามในแบบของตน ดั่งเช่นชื่อโครงการนั่นเองครับ

ด้านการออกแบบของโครงการ ภายนอกจะลักษณะเรียบๆ ขาวๆ ตัดกับเส้นโค้งมนให้ความรู้สึกโฮมมี่ครับ

แต่การตกแต่งภายในและส่วนกลางนี่จะมาในแบบสีสันสดใสจี๊ดจ๊าด ตามรูปแบบของส่วนกลางแต่ละแบบเลยครับ

ส่วนกลางของของโครงการนี้จะมีทั้งหมด 30 แบบด้วยครับ ถือว่ามีมาให้เยอะตามสไตล์ Asset Wise เลย

ซึ่งส่วนกลางทั้งหมดนี้จะกระจายอยู่ตามอาคารทั้ง 3 อาคารของโครงการครับ

โดยจะมีดังนี้ครับ

อาคาร A

ชั้น 2 - SEED Cafe

ชั้น 8 - Sky Social Lounge

ดาดฟ้า - Sky Living Garden, Active Court, Relax Space,Yoga & Active Lawn

อาคาร B

ชั้น 2 - Creative Space, Private Meeting Room, SEED Thinking Pod

ชั้น 3 - Co-Kitchen, Game Area, VR Room, Theater, Live Studio

ดาดฟ้า - The Common Area

อาคาร C

ชั้น 2 - Active Fitness Club, Rock Climbing, TRX Pro, Iconic Pool, Jacuzzi ,

SEED Pavilion

ชั้น 3 - Health Station, Cycling Training, YOGA Room

ส่วนกลางชั้น G

- SEED Social Space, CO-Working Space, Relax & Recharge SEED Pod

ยูนิตของ KAVE Seed Kaset ทั้งหมด 5 แบบด้วยกันดังนี้ครับ

1 Bedroom - 22.22 ตร.ม.

1 Bedroom Exclusive - 25.60 ตร.ม.

1 Bedroom Extra - 28.30 ตร.ม.

1 Bedroom Plus - 34.30 ตร.ม.

2 Bedroom - 47.10 ตร.ม.

.

โดยยูนิตที่โครงการจะขายแบบ Fully Furnished ครับ ตรงนี้ถือว่าสะดวกสำหรับคนที่มาอยู่หรือซื้อลงทุนปล่อยเช่ามากครับ เพราะจะได้ไม่เสียเวลาในการตกแต่งเพิ่มเติม แค่ซื้อของเพิ่มอีกเล็กน้อย ก็สามารถปล่อยเช่าหรือเข้าอยู่ได้ทันทีครับ (ห้องแต่ละแบบก็จะได้เฟอร์นิเจอร์ที่แตกต่างกันไปครับ)

.

คราวนี้เรามาดูกันว่ายูนิตแต่ละแบบนั้นเหมาะกับใครบ้าง โดยเราจะยกตัวอย่างยูนิตมา 3 แบบครับ

ผังของห้องนี้จะเป็นแบบตอนลึก ฟังก์ชั่นต่างๆ จะถูกเรียงลำดับต่อกันไปครับ เมื่อเปิดประตูห้องเข้ามาจะเจอกับห้องครัวครับ ข้างๆกันจะเป็นห้องน้ำ ถัดเข้าไปจะเป็นพื้นที่นั่งเล่นและห้องนอนครับ

• ระหว่าง ห้องครัว ห้องนั่งเล่น และห้องนอนนั้นจะมีบานเลื่อนกั้นครับ ทำให้ดูเป็นสัดเป็นส่วน
• สำหรับห้องรูปแบบนี้ ทางเรามองว่าอยู่ได้ 1-2 คนครับ หรือถ้าอยู่คนเดียวนี่สบายๆ เลยครับ
• ห้องนั่งเล่นเองตรงนี้สามารถปรับเป็นห้องทำงาน/อ่านหนังสือก็ได้ตามสะดวกครับ
• สำหรับสายลงทุน เนื่องจากราคาไม่สูงมาก จึงมีโอกาศปล่อยเช่าได้ง่ายขึ้นนั่นเอง

ขยายขนาดห้องขึ้นมาอีกนิด แต่รูปแบบผังห้องต่างจาก 1B Exclusive เลยครับ โดยห้องแบบ 1Bed Extra เมื่อเปิดเข้ามาในห้องจะเจอกับห้องนั่งเล่น/ทานอาหาร ที่สามารถแยกออกไปเป็นห้องครัว, ห้องนอน หรือห้องน้ำได้ครับ

• แบ่งแยกห้องนอนกับห้องนั่งเล่นชัดเจน มีความเป็นส่วนตัว
• ได้ครัวปิด ติดระเบียง ระบายกลิ่นได้ดี
• ห้องน้ำเข้าได้ทั้งจากห้องนอนและห้องนั่งเล่น

ที่ตั้งของโครงการจะอยู่ใน ซ.พหลโยธิน 34 แยก 11-10 ฟังดูแล้วเหมือนโครงการอยู่ในซอยลึก แต่จริงๆแล้วไม่

ใช้เลยครับ หากนับจาก ถ.ประเสริฐมนูกิจ ที่เป็นถนนใหญ่เข้ามาถึงโครงการ จะมีระยะทางเพียง 300 ม. เท่านั้นครับ

โครงการจะมีขนาดที่ดิน 3-3-10.9 ไร่ โดยทางเข้าโครงการจะอยู่ทางทิศใต้ของตัวโครงการครับ

รอบๆ ของโครงการในปัจจุบัน แทบจะไม่มีอะไรมาบังวิวเสียเท่าไหร่

ทิศใต้ - จะอยู่ติดกับโครงการคอนโด Low Rise 8 ชั้น (ทิศใต้ของอาคาร C จะเป็นเจอกับอาคารจอดรถของอีกโครงการนี้ )

ทิศตะวันตก - เป็นที่จอดรถของโรงแรม Livotel และถัดไปอีกจะเป็นตัวโรงแรม Livotel สูง 8 ชั้น

ทิศเหนือ - เป็นพื้นที่โล่งและอาคาร 1 ชั้น

ทิศตะวันออก - อาคาร 1 ชั้นและพื้นที่โล่ง

 ส่วนที่คึกคักและอุดมไปด้วยร้านค้าร้านอาหารของ ซ.พหลโยธิน 34 นั้นจะอยู่ช่วงกลางซอยและเขามาจนถึงแยก 11 ที่เป็นที่ตั้งของโครงการ KAVE Seed Kaset นั่นเองครับ

ไล่ตั้งแต่บริเวณหน้าปากซอยแยก 11-10 ก่อนนะครับ เมื่อเราออกจากซอยโครงการมาจะ พหล34 มาร์เก็ต ที่จะมีร้านอาหารต่างๆ, Big C Mini และ Amazon Cafe ครับ และฝั่งตรงข้ามเองจะมี 7-11 ครับ

เดินถัดเข้าซอยไปอีกประมาณ 100 ม. จะเจอกับ Block Space 34 ที่รวมร้านอาหารไว้หลากหลายประเภทครับ ซูซิ, โอมากาเสะ, ยำ, ก๊วยเตี๋ยวเนื้อ, ชานมไข่มุก, 7-11 ที่นี่มีหมดครับ

โดยถัดจากนี้ตลอดสองข้างทาง ซ.พหล 34 แยก 11 นี้เองก็จะมีทั้งสตรีทฟู้ด, ร้านอาหาร, ร้านยา, คาเฟ่ สลับกันไปตลอดทั้งเส้นเลยครับ เรียกได้ว่าซอยนี้มีครบแทบทุกอย่างในการดำเนินชีวิตพื้นฐานเลยครับ

ทำเลที่ตั้งของโครงการ Kave Seed Kaset ใน ซ.พหลโยธิน 34 นั้น นอกเหนือจากอยู่ใกล้กับ ม.เกษตร แลัวยังมีจุดเด่นในภาพกว้าง คือ สามารถเชื่อมต่อถนนหลักได้หลากหลายเส้นทางและโดยสามารถทะลุออกได้ทั้ง ถ.พหโยธิน, ถ.ประเสริฐมนูกิจ และ ถ.เสนานิคม นอกจากนี้แล้วด้านการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า บริเวณ ถ.พหลโยธิน จะเป็นเส้นทางวิ่งของรถไฟฟ้า BTS ที่เปิดใช้งานแล้ว โดยสถานีที่ใกล้โครงการมากที่สุดจะเป็นสถานีเสนานิคม ที่จะอยู่ปากซอยพหลฯ 34 ฝั่ง ถ.พหลโยธินเลยครับ

และในอนาคตบริเวณ ถ.ประเสริฐมนูกิจ จะเป็นเส้นทางวิ่งของรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาลในอนาคตครับ