7 เหตุผล ว่าทำไมโครงการ THE COLLECTION ถึงควรค่าแก่การครอบครอง
พื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ใจกลางเมือง นอกจากจะเปรียบเสมือนปอดขนาดใหญ่ของคนเมืองแล้ว หากพูดในแง่เศรษฐกิจ แน่นอนว่าทำเลติดสวนขนาดใหญ่ในประเทศต่างๆ มักจะเป็นบริเวณที่เป็น Prime area อย่างที่รู้จักกันดี เช่น Central Park ที่นิวยอร์ค ประเทศสหรัฐอเมริกา หรือ Hyde Park ที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ เป็นต้น เนื่องมาจากเป็นทำเลที่ติดพื้นที่ธรรมชาติขนาดใหญ่ สามารถมองเห็นวิวหรือเดินออกไปพักผ่อนได้ไม่ไกล แต่ก็ยังคงไว้ด้วยความสะดวกสบายของความเป็นเมืองอยู่ และด้วยพื้นที่โดยรอบสวนที่มีอยู่อย่างจำกัด ทำให้แต่ละโครงการที่ขึ้นบริเวณโดยรอบมีมูลค่ามหาศาล
โดยในเมืองไทย ถ้าพูดถึงพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ใจกลางกรุงคงจะหนีไม่พ้น สวนลุมพินี ที่มีพื้นที่กว่า 360 ไร่ แต่ในอนาคตจะมีการพัฒนาพื้นที่ส่วนโรงงานยาสูบเดิม ที่อยู่บริเวณศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ให้เป็นสวนป่าขนาดใหญ่ถึง 320 ไร่ ซึ่งหากรวมกับพื้นที่สวนเบญจกิติที่ติดกัน เป็นสวนน้ำขนาด 130 ไร่ ทำให้ในอนาคตพื้นที่บริเวณนี้ จะเป็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่กว่า 450 ไร่ ใหญ่ ที่สุดกลางกรุงแห่งใหม่อย่างแน่นอน โดยทาง Developer อย่าง SIAMESE ASSET ก็ได้เล็งเห็นถึงศักยภาพของพื้นที่บริเวณนี้และพัฒนาโครงการ THE COLLECTION แฟลกชิพโปรเจกต์ มูลค่า 4,800 ล้านบาท ขึ้นมา
FACT
Project name : THE COLLECTION
Developer : Siamese Asset Co.,ltd.
Location : Soi Sukhumvit 16
Area : 2-0-57.8 Rai
Project Complete : 2021 (พ.ศ.2564)
Price : Starts 6.2-45 MB.
Average Price : 250,000 THB/Sq.m.
Total Floor :
Tower A 7 Floors
Tower B 41 Floors
Parking :
271 Parking Spaces
182 Automatic Parkings
89 Conventional Parkings
No. of Unit :
Tower A 40 Units
Tower B 446 Units
Units Type :
1 Bedroom
2 Bedroom
Penthouse
Facilities :
Sky-High Ceiling Lobby
Fitness
Co-Working Space
Mini Theatres
Co-Kitchen Space
Private Meeting room
Sky Garden
24 HRS Luxurious Service
ทำไมโครงการ THE COLLECTION ถึงควรค่าแก่การครอบครอง ?
1. ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพ ใจกลางสุขุมวิท - อโศก
โครงการ THE COLLECTION ตั้งอยู่บริเวณสุขุมวิท ซอย 16 ซึ่งสามารถเชื่อมไปยังถนนสายหลักได้หลายเส้นทางทั้งสุขุมวิท อโศก พระราม 4 และยังอยู่ไม่ไกลจากสถานีที่เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างรถไฟฟ้า BTS และ MRT ที่สำคัญ อย่างสถานีอโศก ซึ่งทำให้สามารถเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ในเมืองได้อย่างสะดวกสบาย อีกทั้งตัวโครงการก็ยังใกล้สถานที่สำคัญหลายแห่ง
เช่น ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ สถานที่จัดงานแสดงสินค้าและอีเวนต์ขนาดใหญ่ระดับประเทศ, FYI Center ออฟฟิศที่ออกแบบเพื่อตอบโจทย์การใช้งานของคนรุ่นใหม่ และแหล่งรวมศูนย์การค้าระดับโลกอย่าง The Em District รวมถึง Mega Project โครงการ Mixed Use ขนาดใหญ่ที่จะเปิดในอนาคตอย่าง The PARQ และ One Bangkok
2. วิวสวนเบญจกิติ พื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ที่สุดใจกลางเมือง
สวนสาธารณะขนาดใหญ่ในตัวเมืองกรุงเทพฯ มีอยู่ 2 สวนหลักๆ คือ สวนลุมพินีและสวนเบญจกิติ โดยพื้นที่โดยรอบทั้งสองสวนนั้น ถือได้ว่าเป็น Prime Area แห่งนึงในกรุงเทพ เป็นที่ตั้งของโรงแรมระดับ 5 ดาว อาคารสำนักงานขนาดใหญ่ และคอนโดมิเนียมระดับ Luxury
การมีที่พักอาศัยที่สามารถมองเห็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ ถือได้ว่าเป็นความใฝ่ฝันของใครหลายๆ คน ด้วยวิวที่สวยงาม สภาพแวดล้อมที่ไม่แออัด บรรยากาศที่เป็นธรรมชาติ แ ต่ด้วยข้อจำกัดหลายๆ อย่าง ทำให้พื้นที่รอบสวนมีพื้นที่ที่สามารถขึ้นอาคารสูงได้ไม่กี่แห่งเท่านั้น
สวนลุมพินี VS สวนเบญจกิติ
สวนลุมพินี หมายถึง ชื่อสถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้าในประเทศเนปาล เป็นสวนสาธารณะแห่งแรกของประเทศไทย เพื่อให้เป็นที่พักผ่อนของคนทั่วไป เปิดใช้ในปี พ.ศ.2468 มีเนื้อที่ทั้งหมด 360 ไร่
โดยสวนลุมพินี ตั้งอยู่บน ถ.พระรามที่ 4 ล้อมรอบด้วย ถ.วิทยุ ถ.ราชดำริ และ ถ.สารสิน ซึ่งเมื่อดูจากแผนที่แล้ว จะพบว่าตัวสวนและฝั่ง ถ.ราชดำริ อยู่ในเขตสีน้ำเงินของผังสีกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นที่ดินประเภทสถานที่ราชการ ทำให้พื้นที่ตรงส่วนนี้คนทั่วไปหรือภาคเอกชนไม่สามารถสร้างอาคารได้ ดังนั้น พื้นที่รอบสวนลุมที่สามารถมองเห็นวิวและสร้างอาคารสูงได้ จึงมีพื้นที่ในบริเวณที่ 1 คือ ฝั่ง ถ.สารสิน บริเวณที่ 2 คือ ฝั่ง ถ.วิทยุ และบริเวณที่ 3 ฝั่ง ถ.พระรามที่ 4
สวนเบญจกิติ เป็นสวนสาธารณะเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 โดยอยู่ในระหว่างการปรับปรุงพื้นที่ส่วนที่เหลือ คาดว่าหากปรับปรุงพื้นที่เสร็จจะ มีพื้นที่ถึง 450 ไร่
โดยสวนเบญจกิติ เมื่อดูจากแผนที่แล้ว จะพบว่าพื้นที่ทางซ้ายของสวนจะติดกับทางด่วนและถนนอีกหนึ่งเส้น ทำให้อยู่ในระยะที่ค่อนข้างไกลจากสวน ดังนั้น พื้นที่รอบสวนเบญจกิติที่สามารถมองเห็นวิวสวนได้ มีพื้นที่บริเวณที่ 1 แต่เป็นซอยแคบ ทำให้ไม่สามารถสร้างตึกสูงได้ จึงทำให้บริเวณรอบสวนที่สามารถสร้างอาคารสูงได้และมีระยะห่างไม่ไกลสวนจนเกินไป มีเพียงบริเวณที่ 2 ฝั่ง ถ.รัชดาภิเษก และบริเวณที่ 3 ฝั่ง ถ.พระราม 4 เท่านั้น
วิวสวนเบญจกิติแบบพาโนรามาที่เหลือเพียงไม่กี่แห่ง
โดยตัวโครงการ THE COLLECTION ถือว่าอยู่ในจุดที่สามารถ รับวิวสวนเบญจกิติได้แบบพาโนราม า ด้วยตำแหน่งที่ตั้งที่อยู่ค่อนไปตรงกลางสวน และด้วยความสูงของอาคารที่ไม่มีอาคารอื่นมาบดบัง
พร้อมกับความหายากของพื้นที่ดินบริเวณนี้ เรียกได้ว่า เป็นวิวสุดเอ็กซ์คลูซีฟที่มีเพียงไม่กี่โครงการรอบสวนเท่านั้น ที่จะได้เห็นวิวสวนน้ำของเบญจกิติได้ชัดเจนและมีมุมกว้างขนาดนี้
3. "SIAMESE ASSET" ผู้พัฒนาโครงการที่มาพร้อมกับความเชี่ยวชาญการก่อสร้าง
Siamese Asset มีการบริหารงานโดย คุณขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ อดีต COO ของ บริษัท ฤทธา จำกัด ซึ่งเป็น 1 ใน 3 ผู้รับเหมาก่อสร้างระดับ Luxury ชั้นนำของประเทศไทย ที่ดูแลการก่อสร้างโครงการคอนโดมิเนี่ยม ที่พักอาศัย และโรงแรมระดับ 5 ดาว มากว่า 3 0 ปี กระทั่งตกผลึกแนวคิดถึงการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่มีคุณภาพดีในราคาคนไทยที่สามารถเป็นเจ้าของได้ ภายใต้คอนเซ็ปต์ "Asset of Life" สร้างกำไรให้ทุกการใช้ชีวิต ซึ่งเป็นแกนหลักของ Siamese Asset
โดยส่วนของโครงการคอนโดมิเนียม ทาง Siamese Asset ได้ นำเสนอรูปแบบโครงการภายใต้ 4 แบรนด์ เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่ต่างกันในแต่ละทำเล คือ Blossom, Siamese, Siamese Exclusive และล่าสุดได้มีการเปิดตัวแบรนด์ใหม่ คือ THE COLLECTION ซึ่งถือได้ว่าเป็นคอนโดมิเนียมระดับ Luxury ที่เป็น Top Segment ของบริษัทฯ
4. บริษัทออกแบบ เจ้าของรางวัลระดับนานาชาติ
แน่นอนว่าในเรื่องของภาพลักษณ์ภายนอกที่สวยงามก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้คนตัดสินใจเลือกซื้อคอนโด ซึ่งตัว โครงการ THE COLLECTION ได้รับการออกแบบจากบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญและมีผลงานระดับนานาชาติมากมาย คือ Creative Crew Ltd. ที่ปรึกษาด้านสถาปัตยกรรม และ ONG & ONG ที่ปรึกษาด้านการออกแบบภายใน
Architect - Creative Crew
Creative Crew บริษัทที่มีผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบ เคยมีประสบการณ์ทำงานใน WOHA ซึ่งเป็นบริษัทออกแบบชื่อดังของสิงคโปร์ โดยทางบริษัทฯ มีผลงานออกแบบมากมายทั้งในและต่างประเทศ ผลงานที่หลายๆ คนน่าจะรู้จักกันดี คือ FYI CENTER
ผลงานตัวอย่างของ Creative Crew
QUARTER 39
Image : Creative Crew
Image : Creative Crew
Image : Creative Crew
Interior - ONG & ONG
ONG & ONG เป็นบริษัทออกแบบจากประเทศสิงคโปร์ ที่ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ ค.ศ.1972 เปิดมายาวนานเกือบ 50 ปี มีสำนักงานตั้งอยู่กว่า 12 แห่งในแถบเอเชีย ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับงานทางด้านสถาปัตยกรรม จากผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ กว่า 600 คน
ผลงาน ตัวอย่าง ของ ONG & ONG
55 BLAIR ROAD, Singapore
Image : ONG & ONG
BT-HOUSE, Singapore
Image : ONG & ONG
BUFFALO FLAGSHIP STORE, Thailand
Image : ONG & ONG
5. Product ที่มากับแนวคิด "Living without Compromise"
“เดอะ คอลเลคชั่น - THE COLLECTION” แฟลกชิพโปรเจกต์ มูลค่า 4,800 ล้านบาท
สะท้อนแนวคิด “Live without Compromise” เพื่อมอบสิ่งที่ดีและคุ้มค่าที่สุด
โดยทาง SIAMESE ASSET ได้มีการคัดสรรตั้งแต่ที่ดินที่มีความโดดเด่นทั้งในแง่ของทำเลที่มีศักยภาพ และมุมมองที่ไม่สามารถหาได้จากที่อื่น ตลอดจนมาถึงส่วนของตัวโครงการที่ถูกออกแบบและตกแต่งมาเป็นอย่างดี มีการควบคุมทุกขั้นตอนการก่อสร้ างอย่างประณีตภายใต้ มาตรฐานคอนโดมิเนียมระดับสากล เพื่อให้ผู้ซื้อสามารถมั่นใจได้ว่าจะได้พักอาศัยในสถานที่ที่ดี และตอบโจทย์การใช้ชีวิตอย่างมีระดับ
โครงการจะแบ่งออกเป็น 2 อาคาร ส่วนคอนโดจะอยู่ด้านหลัง คือ อาคาร B สูง 41 ชั้น แบ่งเป็นส่วน Condo ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง ชั้นที่ 3-20 กับ Service Residence ซื้อไว้เพื่อการลงทุน (ปล่อยเช่า) ชั้นที่ 21-40 โดยมีฝ่ายช่วยดูแลการลงทุนให้ ซึ่งการันตีผลตอบแทนจากค่าเช่า (Yield) ในเวลา 2 ปี ที่ 5%
ส่วนของตัวอาคาร B ด้านที่หันออกไปสู่สวนเบญจกิติจะติดกับส่วนฐานของอาคารเลค รัชดา ที่ตั้งอยู่ริม ถ.รัชดาภิเษก สูงประมาณ 3 ชั้น โดยทางผู้ออกแบบได้จัดพื้นที่ส่วนที่ติดกับอาคารฝั่งนั้น ซึ่งโดนบล็อกวิวให้เป็นพื้นที่จอดรถ ทำให้ไม่มีปัญหาเรื่องมุมมองของอาคารที่โดนบังบริเวณสวนเบญจกิติ
อีกทั้งตัวโครงการมีข้อแตกต่างจากโครงการอื่นๆ คือ มีการจัดการดูแลแบบ Luxurious Service จากโรงแรมระดับ 5 ดาว โดยสามารถเรียกบริการ Room Service ได้ตลอด 24 ชม. บริการที่รองรับ เช่น Laundry, ร้านอาหาร และทำความสะอาดห้องพัก เป็นต้น
FACILITIES
Sky High Ceiling Lobby
Fitness
Versatile Room
Sky Lounge
Swimming Pool
สิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการส่วนใหญ่จะอยู่ที่ชั้น 2 และ 41 ประกอบไปด้วยส่วนของ Fitness, Co-Working Space, Co-Kitchen Space, ห้องอเนกประสงค์ หรือ Versatile Room ที่สามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นให้เป็น Private Meeting room หรือ Mini Theatres ได้ และยังมีส่วนของ Co-Kitchen Space, Sky Lounge และชั้น Rooftop จะเป็นชั้นของ Sky Garden กับ Sky Bar
Unit Type
1 Bedroom
1 Bedroom
1 Bedroom
Living Area / Dining Area
Bathroom
ตัวยูนิตห้องจะแบ่งหลักๆ เป็น 3 รูปแบบ คือ 1 ห้องนอน 2 ห้องนอน และ Penthouse โดยที่ประมาณ 75% ของโครงการจะเป็นห้องแบบ 1 ห้องนอน มีพื้นที่ห้องอยู่ที่ 33-34 ตร.ม. ซึ่งจะใช้เป็นประตูบานเลื่อนในการแบ่งพื้นที่ห้องนอน ซึ่งมีข้อดี คือ สามารถเปิด-ปิด เพื่อกั้นห้อง ทำให้ได้พื้นที่ส่วนกลางของห้องกว้างขวาง แต่ในขณะเดียวกันก็ยังสามารถกั้นพื้นที่ห้องนอนให้มีความเป็นส่วนตัวได้ ส่วนตัวระเบียงห้องจะมีอยู่ 2 รูปแบบ คือ ระเบียงที่อยู่ภายนอกห้อง มีประตูกั้น กับอีกแบบหนึ่ง คือ นำฟังก์ชั่นส่วนระเบียงเข้ามาในห้อง ทำให้ได้พื้นที่ภายในห้องมากขึ้นและสามารถชมวิวจากภายในห้องได้อย่างใกล้ชิด
6. วัสดุนำเข้า แบรนด์ดังระดับโลก
ชุดครัว
Snaidero แบรนด์จากประเทศอิตาลีที่เชี่ยวชาญในด้านชุดครัวแบบ Modern Luxury ที่มีโครงการระดับ Luxury ทั่วโลกเลือกใช้ เช่น The Ritz-Carlton Residences, Los Angeles
Highlight ใช้ กรรมวิธีปิดผิวหน้าเฟอร์ นิเจอร์แบบเดียวกับการเคลือบสี รถ Ferrari ช่วยป้องกันรอยนิ้วมือและทำความสะอาดได้ง่าย
อุปกรณ์ชุดครัว
Kuppersbusch แบรนด์จากประเทศเยอรมัน ที่ก่อตั้งมายาวนานกว่า 140 ปี มีการนำเข้ามาใช้ในโครงการหรูในประเทศไทย เช่น Sindhorn Residence, 28 Chidlom และ Saladaeng One
Highlight Okotherm เตาอบไร้กลิ่น ทำให้กลิ่นไม่ออกมาขณะทำอาหาร ซึ่งมีการจดสิทธิบัตร ทำให้เป็นเอกลักษณ์ที่มีเฉพาะเครื่องครัวแบรนด์นี้เท่านั้น
ชุดห้องน้ำ
Hansgrohe แบรนด์จากประเทศเยอรมัน เป็นอันดับ 1 ในเรื่องอุปกรณ์ภายในห้องน้ำ ที่มีโครงการระดับ Luxury ในไทยเลือกใช้ เช่น 98 Wireless, Siam Kempinski Hotel และ Hilton
Highlight ทางโครงการ THE COLLECTION ได้สั่งทำสีพิเศษที่เป็นเอกลักษณ์ ไม่เหมือนใคร คือ สี Rose Gold
และน อกจากนี้ยังได้นำ กระเบื้องหิ นอ่อน คุณภาพอันดับ 1 ของโลกจากประเทศอิตาลี แบรนด์ “อารีออสเทียร์ - Ariostea” จากบริษัทไอริส เซรามิก้า กรุ๊ป (Iris Ceramica Group) ที่การันตีคุณภาพระดับโลก มาใช้ในส่วนของ ครัวและพื้นห้ องน้ำ ของโครงการอีกด้วย โดยเลือกใช้กระเบื้องลายหินอ่อน แทนหินจริงเนื่องจากการดูแลรักษาในระยะยาวที่ง่ายและสะดวกกว่า
7. SIAMESE TECHNOLOGY
ภายในตัวโครงการ ได้มีการนำเทคโนโลยีที่หลากเข้ามาใช้ ทั้งส่วนของพลังงาน มีการติดตั้ง SOLAR CELL ซึ่งเป็นพลังงานทดแทน ช่วยลดผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม วัสดุที่ใช้ในการก่อสร้าง เช่น กระจก LOW-E ซึ่งเป็นกระจกกันความร้อน ที่ให้ความร้อนและ UV ผ่านเข้ามาในอาคารน้อยลง หรือ INSULATED WALL ที่ช่วยกันทั้งเสียงและความร้อนไม่ให้เข้ามาภายในห้อง เทคนิคการก่อสร้าง มีการ แยกท่อระบายอากาศ (SEPARATE VENT) ระหว่างท่อจากชักโครกกับท่อประเภทอื่นๆ ทำให้ไม่มีกลิ่นเหม็นย้อนเข้ามาภายในห้อง
นอกจากนี้ยังมีระบบภายในอาคารอื่นๆ เช่น ระบบกรองอากาศ ที่มีการกรองอากาศจากภายนอกถึง 3 ชั้น เพื่อกรองฝุ่นละอองขนาดใหญ่ออกจนเหลือขนาดของฝุ่นที่เล็กกว่า 2.5 ไมครอน ทำให้ผู้อยู่อาศัยได้รับอากาศที่บริสุทธิ์ตลอดเวลา หลอด LED ช่วยประหยัดทั้งพลังงานและค่าใช้จ่าย รวมถึงมีอายุการใช้งานที่มากกว่าหลอดปกติ และยังมีระบบ HOME INTELLIGENCE ที่ช่วยอำนวยความสะดวกสบายให้กับผู้อยู่อาศัย โดยสามารถสั่งการควบคุมระบบต่างๆ ภายในห้องผ่านระบบสัมผัส
สรุปภาพรวมโครงการ THE COLLECTION
THE COLLECTION เป็นโครงการระดับ Top Segment ของ Siamese Asset มีจุดเด่นตรงวิวสวนน้ำขนาดใหญ่ของสวนเบญจกิติ ที่เชื่อมต่อกับพื้นที่สีเขียว ซึ่งเป็นวิวที่แทบจะหาไม่ได้จากโครงการคอนโดมิเนียมระดับ Luxury โครงการอื่นๆ ประกอบกับตัวโครงการที่ผ่านกระบวนการคัดสรรมาอย่างดี ทั้งการออกแบบรูปลักษณ์ ตลอดจนการเลือกใช้วัสดุในห้องพักที่ถือได้ว่าเป็นแบรนด์ชั้นนำระดับโลก เพื่อที่จะสะท้อนแนวคิดหลักของโครงการ “Live without Compromise”
อีกทั้งตัวโครงการยังมี จุดเด่นในด้านเซอร์วิส ที่ร่วมมือกับโรงแรมระดับ 5 ดาว ซึ่งคอยให้บริการผู้พักอาศัยตลอด 24 ชั่วโมง และด้วยความที่ Siamese Asset มีความเชี่ยวชาญในเรื่องการก่อสร้าง ทำให้สามารถมั่นใจได้ว่า จะได้โครงการที่มีคุณภาพ ที่มาพร้อมกับราคาที่คุ้มค่ากว่าโครงการอื่นๆ ในทำเลใกล้เคียง มีราคาขายเริ่มต้นที่ 6.2-45 ล้านบาท โดยรวมแล้วด้วยปัจจัยต่างๆ ถือได้ว่าโครงการ THE COLLECTION เป็นอีกโครงการหนึ่งที่น่าซื้อไว้ครอบครอง
สำหรับผู้ที่สนใจโครงการ THE COLLECTION
คลิก เพื่อลงทะเบียน รับสิทธิพิเศษ และรายละเอียดเพิ่มเติม