"ซีพีเอ็น" เปิดยุทธศาสตร์ก้าวสู่ทศวรรษที่ 4 เตรียมสาดเม็ดเงินอีก 2 หมื่นล้านยึดหัวเมืองใหญ่ทั่วทุกภาค มั่นใจก้าวสู่ riginal player พัฒนาศูนย์การค้าไทยเทียบระดับโลก เรียงคิวเปิดพิษณุโลก พระราม 9 สุราษฎร์ธานี เชียงใหม่ ระยอง หาดใหญ่ อุบลราชธานี ลำปาง ขณะที่ศูนย์การค้าต่างประเทศ สาขาแรกเมืองชิงเต่า ประเทศจีน คืบหน้าไปมาก ย้ำเปิดได้แน่ปี 56 ด้านผลประกอบการไตรมาสแรกกวาดรายได้เฉียด 3,000 ล้าน ใกล้เคียงปีก่อน แม้จะปิดเซ็นทรัล ลาดพร้าวยาว 6 เดือนเต็ม นายกอบชัย จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอ็น ผู้บริหารศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซา , เซ็นทรัล เฟสติวัล และเซ็นทรัลเวิลด์ เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเม็ดเงินลงทุนกว่า 20,000 ล้านบาท เพื่อขยายการลงทุนสำหรับปี 2554 และ 2555 โดยมีเป้าหมายก้าวสู่การเป็นศูนย์การค้าระดับโลก ทั้งในและต่างประเทศ หรือ World Class Retail Property Developer โดยในครึ่งปีหลังของปี 2554 บริษัทมีแผนจะเปิดตัว เซ็นทรัลพลาซา พิษณุโลก ในวันที่ 20 ตุลาคมนี้ และจะเปิดเซ็นทรัลพลาซา พระราม 9 ในเดือนธันวาคม ขณะที่การปรับปรุงเซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว ซึ่งจะแล้วเสร็จภายในเดือนสิงหาคมนี้ และห้างสรรพสินค้าเซน ที่เซ็นทรัลเวิลด์จะเปิดในเดือนพฤศจิกายนนี้ ซึ่งทั้งหมดจะส่งผลให้บริษัทมีรายได้รวมเติบโตขึ้น 10-15% โดยปัจจัยที่ทำให้บริษัทเติบโต มาจากรายได้เพิ่มจากโครงการใหม่ ได้แก่ เซ็นทรัลพลาซา เชียงราย ซึ่งเปิดให้บริการตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา และได้รับการตอบรับจากลูกค้าทั้งในจังหวัดเชียงราย จังหวัดใกล้เคียง และประเทศเพื่อนบ้านเป็นอย่างดี ส่วนในปี 2555 บริษัทมีแผนที่จะลงทุนศูนย์การค้าใหม่ได้แก่ เซ็นทรัลพลาซา สุราษฎร์ธานี, เซ็นทรัลเฟสติวัล เชียงใหม่ และมีโครงการปรับปรุงเซ็นทรัลพลาซา อุดรธานีด้วย "ธุรกิจศูนย์การค้ามีการแข่งขันสูง ทำให้ต้องปรับเปลี่ยนตัวเองตลอดเวลา รวมทั้งการคัดสรรบุคลากรเข้ามา อย่างไรก็ดีการก้าวเข้าสู่ทศวรรษที่ 4 เป้าหมายของซีพีเอ็น คือการก้าวสู่องค์กรระดับนานาชาติ ในฐานะรีจินัล เพลเยอร์ โดยเป็นผู้นำด้านศูนย์การค้าทั้งในประเทศ และก้าวสู่ระดับโลก" นายกอบชัยกล่าว อย่างไรก็ดี ซีพีเอ็น ยังคงเดินหน้าขยายสาขาตามหัวเมืองใหญ่ โดยล่าสุดลงทุน 900 ล้านบาทซื้อที่ดินตรงข้ามแม็คโคร หาดใหญ่ จำนวน 47 ไร่ เพื่อพัฒนาเป็นศูนย์การค้าเซ็นทรัล เฟสติวัล นอกจากนี้ยังจะเข้าไปลงทุนที่จังหวัดระยอง ตรงข้ามบิ๊กซี และที่จังหวัดอุบลราชธานี และลำปาง ด้วย ขณะที่การเข้าไปลงทุนพัฒนาศูนย์การค้าที่เมืองชิงเต่า ประเทศจีน ซึ่งเป็นการร่วมลงทุนกับรัฐบาลจีน โดยถือหุ้นในสัดส่วน 30% นั้นขณะนี้เริ่มดำเนินการก่อสร้างแล้ว และคาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ในปี 2556 นอกจากนี้ซีพีเอ็น ยังมีแผนใช้งบประมาณอีกกว่า 1,400 ล้านบาท สำหรับรีโนเวตศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซา บางนา ครั้งใหญ่สุดในรอบ 18 ปี โดยจะเริ่มปรับปรุงและแล้วเสร็จในสิ้นปี 2555 รวมทั้งก่อสร้างอาคารจอดรถขนาด 4 ชั้นใหม่ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าที่มาใช้บริการ อีกทั้งรองรับการแข่งขันของศูนย์การค้าในย่านศรีนครินทร์ ที่เริ่มมีการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นจากการเข้ามาของศูนย์การค้าพาราไดซ์ พาร์ค และเมกะ บางนา ที่จะเปิดให้บริการในปี 2555 และ 2556 ด้วย โดยการปรับปรุงศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา บางนา ครั้งนี้จะมีการเพิ่มแบรนด์สินค้าใหม่ๆ อาทิ ซาร่า ฯลฯ ซึ่งจะทำให้เซ็นทรัลพลาซา บางนามีภาพลักษณ์ที่ทันสมัยใกล้เคียงกับเซ็นทรัลลาดพร้าวอีกด้วย สำหรับโครงการ เซ็นทรัลพลาซา พิษณุโลก เป็นไลฟ์สไตล์ช็อปปิ้งคอมเพล็กซ์ที่ใหญ่และทันสมัยที่สุดในภูมิภาคอินโดจีน มีมูลค่าการลงทุนกว่า 2,400 ล้านบาท บนพื้นที่ 105 ไร่ มีร้านค้าชั้นนำและแฟชั่นแบรนด์ดังกว่า 200 ร้านค้า ซึ่งพัฒนาขึ้นเพื่อเป็นจุดศูนย์กลางทางธุรกิจที่เชื่อมต่อระหว่างภาคกลาง และภาคเหนือ รวมไปถึงประเทศในภูมิภาคอินโดจีน ขณะที่โครงการเซ็นทรัลพลาซา พระราม 9 มีมูลค่าการลงทุนประมาณ 5,200 ล้านบาท บนที่ดินพื้นที่ 15 ไร่ บนถนนพระราม9-รัชดาฯ ถือเป็น "The Second CBD" ของกรุงเทพฯ ที่ล้อมรอบไปด้วยย่านธุรกิจ ที่อยู่อาศัย และแหล่งรวมความบันเทิง เซ็นทรัลพลาซา สุราษฎร์ธานี เป็นไลฟ์สไตล์ช็อปปิ้งเซ็นเตอร์แห่งแรกในภาคใต้ของซีพีเอ็น ใช้เงินลงทุนกว่า 3,000 ล้านบาทมีพื้นที่ทั้งหมดกว่า 120,000 ตร.ม. ประกอบไปด้วย ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน, ท็อปส์ ,เพาเวอร์บาย ,บีทูเอส ,ซูเปอร์สปอร์ต ,ออฟฟิศดีโป ,โรงภาพยนตร์ ศูนย์รวมร้านอาหาร FoodPark ธนาคารคลินิกสุขภาพและความงาม และร้านค้าต่างๆ กว่า 350 ร้าน และเซ็นทรัลเฟสติวัล เชียงใหม่ ไลฟ์สไตล์ช็อปปิ้งคอมเพล็กซ์ แห่งที่ 2 ในจังหวัดเชียงใหม่ ตั้งอยู่บนถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ มีมูลค่าการลงทุนกว่า 5,000 ล้านบาท สำหรับผลประกอบการของบริษัทในไตรมาสแรกที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้รวม 2,895.5 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตคงที่เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นรายได้จากค่าเช่าและบริการจำนวน 2,622.5 ล้านบาท ลดลง 4.1% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยสาเหตุหลักมาจากการปิดให้บริการศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว เพื่อทำการปรับปรุงและรายได้ที่ลดลงจากโครงการเซ็นทรัล เนื่องจากพื้นที่ให้เช่าบางส่วนยังอยู่ระหว่างปิดซ่อมแซม การปิดปรับปรุงศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว ยังส่งผลให้รายได้จากค่าเช่าและบริการในไตรมาสนี้ลดลง 1.9% รายได้จากค่าอาหารและเครื่องดื่ม 142.3 ล้านบาท เติบโต 5.3% และรายได้จากธุรกิจโรงแรม 131.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 254.3% จากการเปิดให้บริการโรงแรมฮิลตัน พัทยา ในเดือนธันวาคมปี 2553 นายกอบชัย กล่าวต่อว่า ซีพีเอ็นได้รับการยอมรับว่าเป็นนักพัฒนาศูนย์การค้าที่มีคุณภาพ เห็นได้จากในครึ่งปีแรกของปี 2554 ที่ได้รางวัลในระดับประเทศและระดับนานาชาติรวม 8 รางวัล อาทิ Asia's Best Brands ประจำปี 2011 จาก CMO Asia (Chief Marketing Officer Council Asia) , รางวัล 2nd Asia's Best Employer Brand Award 2011 จาก Employer Branding Institute; World HRD Congress & Stars of the Industry Group ร่วมกับ CMO Asia ,รางวัล Brand of the Year 2010 จาก Superbrands Council เป็นต้น