รถไฟความเร็วสูง ไทย-จีน-ญี่ปุ่น
"อาคม" ยันดันรถไฟเร็วสูง 4 เส้นทาง
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า รัฐบาลยังคงเดินหน้าโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง 4 เส้นทาง เพื่อเชื่อมไปยัง 4 หัวเมืองหลักที่สำคัญ ซึ่งจะเกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจในอนาคต ประกอบด้วย
1.กรุงเทพฯ-นครราชสีมา (ไทย-จีน) ระยะทาง 250 กม. โดยไทยจะเป็นฝ่ายลงทุนเองทั้งหมด แต่จะใช้เทคโนโลยีก่อสร้างจากจีน
2.กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ (ไทย-ญี่ปุ่น) ระยะทาง 672 กม. ด้วยเทคโนโลยีชินคันเซน ปัจจุบันคณะทำงานจากญี่ปุ่นอยู่ระหว่างศึกษาโครงการ
3.กรุงเทพฯ-หัวหิน ระยะทาง 211 กม. วงเงินประมาณ 9.46 หมื่นล้านบาท
4.กรุงเทพฯ-ระยอง ระยะทาง 193.5 กม. วงเงิน 1.52 แสนล้านบาท
เส้นทาง กรุงเทพฯ-หัวหิน และ กรุงเทพฯ-ระยอง ขณะนี้อยู่ระหว่างจัดทำรายละเอียดเรื่องการเปิดให้เอกชนเข้ามาร่วมลงทุน(PPP) คาดว่าจะแล้วเสร็จเดือน เม.ย.59 หลังจากนั้นจะนำเสนอ สคร. เพื่อตั้งคณะกรรมการ PPP ขึ้นมาพิจารณาต่อไป ส่งผลให้หลังจากนี้ไทยจะมีโครงการรถไฟความเร็วสูงรวมกัน 4 เส้นทาง เอื้อหนุนทั้งการเดินทางขนส่งผู้โดยสาร และขนส่งสินค้าเชื่อมภูมิภาคอีกด้วย
Info : Nation Online (25 Mar 2016)
"บิ๊กตู่" ปิดเกมเจรจา ล้างไพ่ "รถไฟไทย-จีน"
วันที่ 23 มีนาคม 2559 หลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เจรจาทวิภาคีกับนายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน โดยก่อนหน้านี้เสนอให้ลงทุนในสัดส่วนจีน 60% ไทย 40% แต่การเจรจาไม่สำเร็จเพราะจีนเสนอจะทำ “สัมปทาน” โดยไทยต้องเสียสิทธิ์หลายอย่าง ดังนั้นฝ่ายไทยจะลงมือดำเนินการลงทุนเองทั้งหมด ซึ่งการทำงานยังเป็นแบบจีทูจีกับรัฐบาลจีน ในด้านเทคโนโลยีใช้จากจีน มีวิศวกรมาถ่ายทอด ทั้งหมดเป็นการจ้างก่อสร้าง แต่ใช้เงินในประเทศเรา อาจมีการร่วมทุนกับเอกชนบ้างเรื่องระบบรถ ราง และอาณัติสัญญาณ ซึ่งให้กระทรวงคมนาคมไปดำเนินการแล้ว ส่วนเส้นทางแก่งคอย-มาบตาพุด รอไปก่อน หากความต้องการมีมากถึงจะเริ่มสร้าง Info : Prachachat Online (4 Apr 2016)
ภาพพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จับมือกับนายหลี่ เค่อเฉียง นายกฯจีน ในการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ครั้งที่ 1 ณ วันที่ 23 มี.ค. 59 เตรียมเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ(PPP) ไม่เกินไตรมาส 2 (ปี 2559) หลังจากนั้นจะมีการจัดทำทีโออาร์ก่อนและเปิดประมูลไตรมาส 3 (ปี 2559) เพื่อให้ได้ผู้ประมูลในปีหน้า โดยมีอัตราส่วนผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ (EIRR) ประมาณ 8.11% แต่เมื่อพัฒนาเส้นทางต่อไปและสุดสายปาดังเบซาร์จะเพิ่มขึ้นเป็น 12.76% จะใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม. โดยในระหว่างนี้ก็จะใช้รถไฟฟ้าราง 1 ม. ไปก่อนTimeline รถไฟความเร็วสูง "ไทย-จีน"
ล่าสุด! มีนาคม 2559 - “ไทยจะลงทุนเองทั้งหมด” หลังจีนตัดบทไม่ร่วมลงทุนทั้งโครงการ 60% โดยตัดเส้นทางเหลือเฉพาะ “กรุงเทพฯ-โคราช” ใช้เงินลงทุน 1.7 แสนล้านบาท ตามที่ไทยยื่นข้อเสนอ นอกจากนี้ไทยตัดสินใจปรับลดค่าก่อสร้างลง จากทั้งโครงการลงทุนถึง 5.3 แสนล้านบาท รูปแบบการลงทุนก็เปลี่ยนเป็น PPP โดยรัฐบาลไทยลงทุนงานโครงสร้างพื้นฐาน และให้เอกชนไทย หรือจีนลงทุนงานระบบและเดินรถ เป็นไปได้ว่าอาจจะใช้เทคโนโลยีจากจีน
มกราคม 2559 - ไทยเสนอรูปแบบการลงทุนใหม่ ให้จีนลงทุนเพิ่มจาก 40:60 เป็น 30:70 และต้องครอบคลุมการก่อสร้างทั้งหมด หลังจากที่เคยเสนอให้มีสัดส่วนการลงทุนเพิ่มที่ 50:50 และครอบคลุมงานก่อสร้างด้วยแล้ว แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป
กันยายน 2558 - จีนได้ส่งผลการศึกษาเบื้องต้นแล้ว แต่ฝ่ายไทยขอให้ศึกษาเพิ่มเติมเรื่องประมาณการราคามูลค่าการก่อสร้าง ประมาณการรายได้จากการขนส่งสินค้าและผู้โดยสาร เป็นต้น นอกจากนี้ ไทยยังขอให้จีนร่วมลงทุนเพิ่มเติมอีกเป็น 50:50 จากเดิม 40:60 แต่จีนขอกลับไปพิจารณาก่อน ส่วนด้านการเงินยังคงเป็นปัญหา โดยจีนยังเสนอมาว่าดอกเบี้ย 3% ยังสูงกว่าเงินกู้ในประเทศของไทยและยังต้องต่อรองให้ลดลงมาอีก
สิงหาคม 2558 - รูปแบบการลงทุน ฝ่ายไทยจะลงทุนก่อสร้างโครงสร้างงานโยธาโดย ร.ฟ.ท. เป็นผู้ดำเนินการใช้เงินกู้ในประเทศก่อสร้าง ส่วนงานระบบเดินรถและซ่อมบำรุงซึ่งคาดว่าจะใช้วงเงินลงทุนประมาณ 1 แสนล้านบาท ฝ่ายจีนตกลงจะร่วมลงทุนด้วยเบื้องต้นประมาณ 40% ขณะที่ข้อเสนอให้จีนเข้าร่วมทุนทั้งโครงการยังไม่ได้ข้อสรุป สำหรับข้อตกลงด้านการเงินยังเป็นอุปสรรคที่ไม่สามารถตกลงกันได้ว่าจะคิดอัตราดอกเบี้ยเท่าใด
มิถุนายน 2558 - รูปแบบการลงทุนในลักษณะการร่วมลงทุนระหว่างไทย-จีน โดยรวมระบบรถไฟและอาณัติสัญญาณเข้ามาในการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนด้วย จากเดิมที่ร่วมทุนเฉพาะการเดินรถและการซ่อมบำรุง ซึ่งฝ่ายจีนขอเวลาพิจารณาก่อน ขณะที่ด้านการเงินยังไม่ได้ข้อสรุป โดยฝ่ายจีนรับปากที่จะพิจารณารูปแบบเงื่อนไขเงินกู้ที่ดีที่สุด
มีนาคม 2558 - จะจัดตั้งบริษัทร่วมทุนไทย-จีนขึ้นมาเดินรถ โดยจีนถือหุ้นไม่เกิน 40% ไทยถือหุ้น 60% ขึ้นไป ช่วงปีที่ 1-3 ให้จีนเดินรถเป็นหลัก ปีที่ 4-7 ให้ 2 ประเทศร่วมกันเดินรถ และปีที่ 7 เป็นต้นไป ให้ไทยเดินรถเป็นหลัก ส่วนเรื่องแหล่งเงินทุนยังไม่ได้ข้อสรุป แต่ฝ่ายไทยเสนอให้ระดมทุนได้จากหลายแหล่ง ทั้งงบประมาณแผ่นดิน กู้จากเอกชน หรือกู้จากจีน
กุมภาพันธ์ 2558 - จะใช้เป็นความร่วมมือแบบ “จ้างเหมาเบ็ดเสร็จ (EPC)” โดยแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบออกตามช่วงเวลา อาทิ ก่อนก่อสร้าง-จีนรับผิดชอบศึกษาและออกแบบ ไทยรับผิดชอบเวนคืนและทำอีไอเอ เป็นต้น ส่วนเรื่องแหล่งเงินทุน จีนเสนอให้ไทยกู้ใน 2 รูปแบบ ที่มีการกำหนดอัตราดอกเบี้ยและระยะเวลาชำระคืนเงินต้นที่แตกต่างกัน
มกราคม 2558 - แบ่งการก่อสร้างออกเป็น 4 ช่วง วงเงินลงทุน 5.3 แสนล้านบาท ช่วงที่ 1 กรุงเทพฯ-แก่งคอย ระยะทาง 133 กม. ช่วงที่ 2 แก่งคอย-มาบตาพุด ระยะทาง 246.5 กม. ช่วงที่ 3 แก่งคอย-นครราชสีมา ระยะทาง 138.5 กม. และช่วงที่ 4 นครราชสีมา-หนองคาย ระยะทาง 355 กม. ซึ่งการก่อสร้างอาจแบ่งเป็น 2 แผนงาน คือช่วง 1 และ 2 กับ 3 และ 4
ปี 2557 - ลงนาม MOU "ในรัฐบาล คสช." รถไฟไทย-จีน เพื่อก่อสร้างรถไฟฟ้าทางคู่ ขนาดรางมาตรฐาน 1.435 ม.
ปี 2556 - ลงนาม MOU ว่าด้วยความร่วมมือ โดยจีนได้จัดฝึกอบรมบุคลากรด้านรถไฟความเร็วสูงให้แก่ฝ่ายไทยรวม 100 คน
ปี 2555 - ผลของ MOU "สมัยรัฐบาลพรรคเพื่อไทย" จีนได้ช่วยเหลือไทยแบบให้เปล่าแก่ประเทศไทย ในการศึกษารายละเอียดโครงการเบื้องต้น 2 เส้นทาง คือ สายกรุงเทพฯ-หนองคาย กับกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ วงเงินลงทุน 3 แสนล้านบาท โดยฝ่ายจีนได้ส่งมอบรายงานการศึกษาความเป็นไปได้ ของทั้งสองเส้นทางให้แก่กระทรวงคมนาคมไทยในเดือน ต.ค. 2555
ปี 2553 - ข้อตกลง MOU "สมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ " ไทยและจีนได้ร่วมกันจัดตั้งบริษัทร่วมทุนรูปแบบรัฐวิสาหกิจ สัดส่วน 51 : 49 ก่อสร้างเป็นรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-หนองคาย วงเงินลงทุน 1.8 แสนล้านบาท โดยฝ่ายจีนจะขอสัมปทานเช่าใช้เส้นทางจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) 50 ปี ซึ่ง MOU ฉบับนี้ผ่านการพิจารณาของรัฐสภาในมาตรา 190 แล้ว แต่รัฐบาลยุบสภาไปเสียก่อน
Info : Prachachat Online (4 Apr 2016), Thansettakij (30 Mar 2016), Thaipublica (26 Feb 2016)
"อาคม" เตรียมชงครม.ไฟเขียว "รถไฟไทย-ญี่ปุ่น"
Timeline รถไฟความเร็วสูง "ไทย-ญี่ปุ่น"
ล่าสุด! กุมภาพันธ์ 2559 - ญี่ปุ่นสนใจที่จะลงทุนในโครงการรถไฟความเร็วสูงอีก 2 เส้นทาง คือ กรุงเทพ-ระยองและกรุงเทพ-หัวหิน เนื่องจากต้องการให้ใช้เทคโนโลยีของญี่ปุ่นซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะร่วมมือกับผู้ประกอบการฝ่ายไทยในการลงทุนดังกล่าว ส่วนโครงการรถไฟความเร็วสูง เส้นทางกรุงเทพ-เชียงใหม่ คาดว่าจะนำผลการศึกษาเส้นทางไปให้ ครม. รับทราบกลางปี 59 และปลายปีจะส่งรายงานผลการศึกษาฉบับสุดท้ายให้ ครม.เพื่อเริ่มดำเนินการก่อสร้างในปี 61
พฤศจิกายน 2558 - ลงนาม MOC กับญี่ปุ่น เส้นทางรถไฟเชื่อมตะวันออก-ตะวันตกด้านใต้ แต่จะก่อสร้างเป็นรถไฟทางคู่ขนาด 1 ม. และนำหัวรถจักรไฟฟ้ามาวิ่งให้บริการ แบ่งเป็น 3 ช่วง คือ กรุงเทพฯ-กาญจนบุรี 180 กม., กรุงเทพฯ-อรัญประเทศ 255 กม. และกรุงเทพฯ-แหลมฉบัง 139 กม. เริ่มพัฒนาเส้นทางเดิมที่ ร.ฟ.ท. กำลังปรับปรุงเป็นช่วงๆ ให้แข็งแรง โดยจัดตั้งบริษัทร่วมทุน (SPV) เดินรถขนส่งสินค้า
ตุลาคม 2558 - รถไฟความเร็วสูงเส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ญี่ปุ่นยืนยันว่าต้องการแยกระบบของรถไฟรถไฟความเร็วสูง ระบบชินคันเซ็น ออกจากทุกระบบ 100% และจะจัดสรรพื้นที่ภายในสถานีกลางบางซื่อให้กับญี่ปุ่น เนื่องจากในการให้บริการรถไฟความเร็วสูงจะต้องเชื่อมเข้าสู่สถานีใหญ่เพื่อประโยชน์สูงสุด
พฤษภาคม 2558 - ลงนามในบันทึกความร่วมมือ หรือ MOC ด้านระบบราง 2 เส้นทาง คือ 1. รถไฟความเร็วสูงกรุงเทพ-เชียงใหม่ 2. เส้นทางแนวเศรษฐกิจด้านใต้ กาญจนบุรี-กรุงเทพ, กรุงเทพ-ฉะเชิงเทรา-อรัญประเทศ,กรุงเทพ-ฉะเชิงเทรา-แหลมฉบัง มี 2 แนวทาง คือ ปรับปรุงพัฒนาทางเดิมที่มีขนาดราง 1 ม. หรือ หากในอนาคตต้องการเชื่อมต่อเส้นทางกับทางพม่า-ไทย-กัมพูชา-เวียดนาม จะต้องหารือกัน 4 ประเทศ ว่าจะต่อเชื่อมกันด้วยรางขนาด 1 ม. หรือ 1.435 ม. ขณะที่เส้นทาง ตาก-พิษณุโลก-เพชรบูรณ์-ขอนแก่น-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร ระยะทาง 718 กม. จะเป็นแค่การศึกษาร่วมกันเท่านั้น
กุมภาพันธ์ 2558 - รัฐบาลไทยและญี่ปุ่นได้ร่วมลงนามบันทึกเจตจำนงว่าด้วยความร่วมมือ หรือ MOI ทางญี่ปุ่นแสดงความสนใจเส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ แต่ยังไม่ระบุว่าจะปรับปรุงระบบเส้นทางรถไฟเดิมขนาดทาง 1 ม. หรือสร้างเส้นทางใหม่มาตรฐาน 1.435 ม.
มกราคม 2558 - โดยไทยเสนอเส้นทางรถไฟ 3 เส้นทางให้ญี่ปุ่นเลือก 1. ระเบียงตะวันตก-ตะวันออก ในเส้นทางพุน้ำร้อน กาญจนบุรี-อรัญประเทศ-สระแก้ว 2. แนวระเบียงจากทางด้าน แม่สอด-ตาก-มุกดาหาร 3. เส้นทางเชื่อมภาคเหนือ กรุงเทพฯ-เชียงใหม่
Info : Thainews (1 Feb 2016), Manager Online (29 May 2015), Prachachat Online (14 Apr 2015)
1. เส้นทางกรุงเทพฯ - นครราชสีมา (ภายใต้ความร่วมมือ ไทย-จีน)
2. เส้นทางกรุงเทพฯ - เชียงใหม่ (ภายใต้ความร่วมมือ ไทย-ญี่ปุ่น)
3. เส้นทางกรุงเทพฯ - หัวหิน
4. เส้นทางกรุงเทพฯ - ระยอง