ย้อนรอย "อุโมงค์ทับลาน" สะพานเชื่อมผืนป่า (Wildlife Corridor) แห่งแรกของไทย
จากเหตุการณ์น้ำท่วมอุโมงค์ทับลาน เมื่อต้นเดือนตุลาที่ผ่านมานั้น อาจจะทำให้หลายคนหันมาสนใจว่า อุโมงค์นี้อยู่ที่ไหน ? หรือมีความสำคัญอย่างไร ? ทางเราจึงขอพาทุกท่านไปย้อนรอยดูโครงการอุโมงค์ทับลาน ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไรกันครับ
ก่อนจะเข้าเนื้อหา เราจะขอเกริ่นถึงอุโมงค์ทับลานกันเสียหน่อย อุโมงค์ทับลาน เป็นส่วนหนึ่งของ โครงการขยายถนนสาย 304 กบินทร์บุรี-ปักธงชัย ภายใต้การดูแลของ กรมทางหลวง ที่ตัดผ่านระหว่างอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่และอุทยานแห่งชาติทับลาน
image : Voice TV
Location ของโครงการ
ถ.ทางหลวงหมายเลข 304 เป็นถนนเส้นหลักที่วิ่งตัดผ่านตั้งแต่ จ.นครราชสีมา ตัดผ่านอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่และทับลาน เชื่อมไปถึงพื้นที่ ECC (ฉะเชิงเทรา-ชลบุรี-ระยอง)ในพื้นที่ภาคตะวันออกของไทย
.
ในช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมานี้ ได้มีฝนตกในหลายพื้นที่ของประเทศไทย ส่งผลให้เกิดปัญหาน้ำท่วมตามมามากมาย และหนึ่งในนั้น คือ “อุโมงค์ทับลาน” ที่อยู่บน ถ.ทางหลวงหมายเลข 304 (กบินบุรี-ปักธงชัย)
.
วิ่งผ่านระหว่างอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่และอุทยานแห่งชาติทับลาน ที่ทั้งสองได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกอีกด้วย
อุโมงค์ทับลาน นั้นเป็นส่วนหนึ่งของ โครงการขยายถนนสาย 304 กบินทร์บุรี-ปักธงชัย ที่จะแบ่งออกเป็น 3 ช่วง
ได้แก่
1.ทางหลวง 304 กบินทร์บุรี-ปักธงชัย (Wildlife Corridor)
-ระยะทางรวม 3.45 กม.
-งบประมาณ 1,319,257,000 บ.
-ดำเนินการโดย บริษัท Italian-Thai Development Corporation Limited
2.ทางหลวง 304 กบินร์บุรี-วังน้ำเขียว ตอนที่ 3 ช่วงที่ 1
-ระยะทางรวม 8.8 กม.
-งบประมาณ 795,365,000 บ.
-ดำเนินการโดย บริษัท Italian-Thai Development Corporation Limited
3.ทางหลวง 304 กบินร์บุรี-วังน้ำเขียว ตอนที่ 3 ช่วงที่ 2
-ระยะทางรวม 6.7 กม.
-งบประมาณ 794,200,000 บ.
-ดำเนินการโดย บริษัท Tanasinpattana (1999) Co., Ltd.
อุโมงค์ทับลาน (Wildlife Corridor) คืออะไร ?
พื้นที่อุโมงค์ทับลาน Wildlife Corridor จะมีลักษณะเป็นอุโมงค์ระดับพื้นถนน ที่ด้านบนอุโมงค์นั้นจะถูกทำเป็นพื้นที่สีเขียวเชื่อมระหว่างอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่และทับลาน ให้สัตว์ป่าสามารถสัญจรผ่านไปมาได้ นอกเหนือจากนั้นยังมีทางลอดใต้ถนนสำหรับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็กอีกด้วย เพื่อการรักษาระบบนิเวศน์ และลดการเกิดอุบัติเหตุรถชนกับสัตว์ป่า
.
ทั้งนี้โครงการได้มีการป้องกันและลดผลกระทบของถนนต่อธรรมชาติ ตลอดแนวสองฝั่งถนนตลอดโครงการนั้น จะมีการกั้นรั้วเหล็ก เพื่อป้องกันอันตรายหากมีสัตว์ป่าเข้ามาในพื้นที่ถนน
หลังเปิดใช้งาน พบร่องรอยสัตว์ชนิดไหนใช้งานสะพานนี้บ้าง ?
หลังจากการเปิดใช้งานอุโมงค์ทับลานเมื่อปี 2562 ที่ผ่านมา ทางโครงการก็ได้มีการติดตามเหล่าสัตว์ป่าและระบบนิเวศน์ว่าจะได้รับผลกระทบจากโครงการนี้อย่างไรบ้าง
.
โดยมีการจัดเจ้าหน้าที่สำหรับลาดตระเวนติดตามการใช้งานของสัตว์ป่า, ติดกล้องวงจรปิด รวมถึงทำ Sand Trap เพื่อสังเกตุพฤติกรรมของสัตว์ป่า
.
จากข้อมูลของกรมอุทยาน สัตว์ป่าและพรรณพืช ได้มีการเปิดเผยข้อมูลออกมาว่า พบร่องรอยของ กวาง, กระทิง, เลียงผา, แมวดาว, สุนัขจิ้งจอก และเสือโคร่ง มาใช้งานสัญจรผ่านสะพานเชื่อมผืนป่าบริเวณอุโมงค์ทับลานแห่งนี้
.
ทั้งนี้อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่และทับลานนั้น ก็ยังมีสัตว์ป่าอีกหลายสายพันธุ์ที่อาศัยอยู่ ฉะนั้นเราอาจจะต้องติดตามดูพฤติกรรมของสัตว์ป่าเหล่านี้ต่อไป ว่าในระยะยาวนั้นจะมีความคืบหน้าหรือเปลี่ยนแปลงอย่างไร
จุดที่น่าสนใจของโครงการ
นอกเหนือจากการสร้าง สะพานเชื่อมผืนป่า ( Wildlife Corridor) แล้ว โครงการทางหลวง 304 นี้ยังมีรายละเอียดอื่นๆ ที่แสดงถึงการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศน์ของพื้นที่อุทยานอีกด้วย ดังนี้
.
มีการเพิ่มติดตั้งกำแพงกันเสียงเพื่อลดผลกระทบจากเสียงแก่สัตว์ป่า
.
มีการปลูกป่าทดแทนในพื้นที่อุทยาน เพื่อทดแทนพื้นที่ป่าที่ใช้ในการขยายถนน
.
มีการปลูกพืชที่เป็นอาหารของสัตว์ป่าและสร้างโป่งเทียมเพิ่ม
เหตุการณ์น้ำท่วมอุโมงค์ทับลาน ณ วันที่ 1 พฤศจิกายน 2563
image : Posttoday
ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2563 ที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุน้ำท่วมบริเวณอุโมงค์ทับลาน,รีสอร์ทและบ้านเรือนขาวบ้านในระแวกใกล้เคียงอย่างฉับพลัน เนื่องจากก่อนหน้านี้มีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 2 ชม. อีกทั้งลำน้ำในพื้นที่บริเวณที่ท่วมยังเป็นจุดรวมของลำน้ำหลายสาย เมื่อเกิดฝนตกในปริมาณมากอย่างต่อเนื่อง จึงมีโอกาสที่น้ำจะเอ่อล้นขึ้นมาท่วมเส้นทางสัญจรและพื้นที่ใกล้เคียง
.
โดยมีระดับน้ำนั้น ท่วมสูงถึง 1.8 ม.ทำให้ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวต่างต้องรีบอพยพออกมาจากพื้นที่ ทั้งนี้ในปัจจุบันเส้นทางสัญจรและอุโมงค์ทับลาน สามารถใช้งานได้เป็นปกติแล้ว จากบทสัมภาษณ์ของ ผู้ว่าฯ ปราจีนบุรี นายวรพันธุ์ สุวัณณุสส์ ได้ความว่า เหตุการณ์น้ำท่วมครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกในพื้นที่บริเวณนี้ และตัวอุโมงค์ทับลานเองไม่ได้สร้างขวางทางน้ำ
ขอบคุณข้อมูลจาก
https://www.facebook.com/mitrearth/posts/791031591463677
https://www.youtube.com/watch?v=YnkkmWeluek
เราได้เรียนรู้อะไร ? จากเหตุการณ์ครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม จากเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งนี้ แสดงให้เห็นว่าการก่อสร้างในพื้นที่ธรรมชาตินั้น ถึงแม้ว่าจะมีคำนึงถึงและเตรียมการสำหรับผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมและสัตว์ป่าแล้วนั้น
.
เราคงต้องกลับมาตั้งคำถามกับทางผู้รับผิดชอบและผู้ออกแบบโครงการอาจจะต้องคำนึงถึงแนวโน้มในการเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติมากขึ้นรึไม่ ? และถ้าหากในอนาคตมีแนวโน้มที่จะเกิดภัยพิบัติอีกจะต้องเตรียมรับมืออย่างไร ?