BEM 2 ธุรกิจจาก ช.การช่าง
"BEM" บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เกิดขึ้นจากการรวมตัวของ BECL (ทางด่วน) และ BMCL (รถไฟฟ้า) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ ช. การช่าง ผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหญ่
ภายในปี 2559 BECL จะเปิดเส้นทางพิเศษศรีรัช-วงแหวนรอบนอกให้ใช้บริการกัน ซึ่งจะส่งผลให้มีเส้นทางการเดินทางครอบคลุมฝั่งตะวันตกของกทม.มากขึ้น
และทาง BMCL จะเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงคลองบางไผ่-เตาปูนอย่างเป็นทางการในวันที่ 12 ส.ค. 59
โดยการคาดการณ์รายได้ในปี 2560 หลังจากการก่อสร้างแล้วเสร็จทั้ง 2 โครงการ BECL จะมีรายได้ประมาณ 6,000 ลบ. ในขณะที่ BMCL จะมีรายได้ประมาณ 4,000 ลบ. ถือเป็นรายได้ที่น่าสนใจและดึงดูดนักลงทุน
BEM จะมีมูลค่ารวมของหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap) เพิ่มขึ้นเป็นอันดับที่ 35 ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ด้วยมูลค่ากว่า 7.8 หมื่นลบ. และจะเริ่มทำการซื้อขายในตลาดหุ้น วันที่ 5 ม.ค.59 นี้
ชื่อใหม่ คือ BEM!
BEM หรือ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทที่เกิดขึ้นจากการควบบริษัทตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535
ระหว่างบริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ (BMCL) ที่มีคู่สัญญาเป็น การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และบริษัท ทางด่วนกรุงเทพ (BECL) ที่มีคู่สัญญาเป็นการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ในวันที่ 30 ธ.ค. 58 โดยทั้งสองเป็นบริษัทลูกของบริษัทก่อสร้างรายใหญ่อย่าง ช. การช่าง
แผนธุรกิจของ BEM จะมีธุรกิจหลัก 3 ประเภท คือ ระบบราง, ระบบถนน , การพัฒนาเชิงพาณิชย์
การควบรวมกิจการเป็นการรวมจุดแข็งของทั้ง 2 บริษัทเข้าไว้ด้วยกัน โดย BECL มีฐานะทางการเงิน รายได้ ที่แข็งแกร่ง ขณะที่ BMCL มีศักยภาพในการเติบโตสูง เนื่องจากมีโครงการรถไฟฟ้าสายต่างๆ ที่รัฐบาลเร่งลงทุน ดังนั้นบริษัทใหม่ที่มีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งจะสามารถเพิ่มโอกาสในการลงทุนโครงการต่างๆทั้งในและนอกประเทศเพื่อสร้างรายได้และผลตอบแทนอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการรวมหุ้น BECL และ BMCL เป็น BEM พร้อมเปิดการซื้อขายในตลาดหุ้นวันที่ 5 ม.ค. 59 เป็นวันแรก
อ่านมาถึงตรงนี้หลายคนอาจจะสงสัยว่า ธุรกิจของ BECL และ BMCL ที่ผ่านมามีอะไรบ้าง ทางrealistจึงรวบรวมโครงการที่อยู่ในการดูแลของทั้ง2ธุรกิจมาให้ดูกัน
เป็นผู้ให้บริการทางด่วน คือ ทางพิเศษศรีรัช (ทางด่วนขั้นที่ 2) และทางพิเศษอุดรรัถยา (ทางด่วนสายบางปะอิน-ปากเกร็ด) ซึ่งเชื่อมต่อกับเครือข่ายทางพิเศษที่ครอบคลุมพื้นที่หลักของกรุงเทพและปริมณฑล ทําให้ผู้ใช้ทางสามารถเดินทางจากทิศเหนือของกรุงเทพมหานครไปยัง ทิศใต้และทิศตะวันออกของกรุงเทพฯได้อย่างสะดวกสบาย โดยไม่จําเป็นต้องเดินทางผ่านเส้นทางถนนพื้นล่างมีการจราจรที่ติดขัด
ภายในปี 2559 นี้เมื่อโครงการทางพิเศษสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครเปิดให้บริการ ก็จะสามารถเชื่อมโยงไปยังทิศตะวันตกของ กรุงเทพครบทุกทิศทาง
โดยมีรายละเอียดของแต่ละเส้นทางดังนี้
ทางด่วนที่ได้รับสัมปทานจาก BECL
BECL = Bangkok Expressway Public Company Limited
NECL = North Bangkok Expressway Public Company Limited
EXAT = Expressway Authority of Thailand
SOE = Si Rat - Outer Ring Road Expressway
BTO = Build-Transfer-Operate
ทางพิเศษศรีรัช (ระบบทางด่วนขั้นที่ 2)
ลักษณะของทางพิเศษศรีรัช เป็นการก่อสร้างทางพิเศษยกระดับขนาด 6 เลน ความยาวประมาณ 38.5 กม. เชื่อมพื้นที่ตอนบนของกรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี
ได้รับสัมปทานจาก BECL 30 ปี โดยแบ่งพื้นที่บริการเป็น 2 โครงข่าย ดังนี้
โครงข่ายในเมือง
SECTOR A พระราม 9 - รัชดาภิเษก
SECTOR B โครงกรองน้ำสามเสน - บางโคล่
โครงข่ายนอกเมือง
SECTOR C รัชดาภิเษก - แจ้งวัฒนะ
SECTOR D พระราม 9 - ศรีนครินทร์
ทางพิเศษอุดรรัถยา (ทางด่วนสายบางปะอิน - ปากเกร็ด)
BECL ได้จัดตั้ง บริษัท ทางด่วนกรุงเทพเหนือ จำกัด (NECL) ให้เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้างและบริหารโครงการ อายุสัมปทาน 30 ปี นับจากวันที่ 27 ก.ย. 39 ถึง วันที่ 26 ก.ย. 69
เชื่อมต่อจากทางพิเศษศรีรัชที่ SECTOR C ทำให้ระบบโครงข่ายของถนนและทางพิเศษในพื้นที่กรุงเทพตอนบนสมบูรณ์ขึ้น เพราะทางพิเศษอุดรรัถยา ทำหน้าที่เป็นเส้นแนวรัศมีรับปริมาณการจราจรจากใจกลางเมือง มาเชื่อมกับถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตกของกรมทางหลวง
แบ่งออกเป็น 2 ระยะ
SECTOR C1+ แจ้งวัฒนะ - เชียงราก
SECTOR C2+ เชียงราก -บางไทร
ล่าสุด! ทางพิเศษสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพฯ
BECL ได้รับสัมปทานโครงการทางพิเศษสายศรีรัช - วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครจากการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เป็นการขยายโครงข่ายของทางพิเศษในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลไปทางทิศตะวันตก ที่ถ.วงแหวนรอบนอก (กาญจนาภิเษก) ฝั่งตะวันตก
โดยมีรายละเอียดดังนี้
แนวเส้นทาง
เป็นทางพิเศษยกระดับขนาด 6 เลน มีระยะทาง 16.7 กม.
แนวเส้นทางโครงการจะเป็นการขยายโครงข่ายทางด่วนไปด้านทิศตะวันตกของกรุงเทพฯ เชื่อมโยงการเดินทางระหว่างพื้นที่ฝั่งธนบุรีกับในเมือง โดยแนวจะเริ่มจากถนนวงแหวนรอบนอก หรือถนนกาญจนาภิเษก บริเวณใกล้โรงกรองน้ำมหาสวัสดิ์ ไปทางทิศตะวันออกตามแนวเขตทางรถไฟสายใต้เดิม ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณสะพานพระราม 6 จนถึงบริเวณบางซื่อเชื่อมต่อทางด่วนขั้นที่ 2 ด้านเหนือของสถานีขนส่งหมอชิต 2
จุดต่อเชื่อม
โครงการมีจุดต่อเชื่อมกับถ.สายหลักและทางพิเศษ ดังนี้
- ด่านกาญจนาภิเษก-ถ.กาญจนภิเษกด้านตะวันตก
- ด่านราชพฤกษ์-ถ.ราชพฤกษ์
- ด่านบรมราชชนนี-ทางยกระดับบรมราชชนนี (ขาเข้าเมือง)
- ด่านบางบำหรุ-ถ.สิริธร, ถ.เทิดพระเกียรติ, รอบสถานีรถไฟบางบำหรุ
- ด่านจรัญสนิทวงศ์ 2-ถ.จรัญสนิทวงศ์, โครงการสะพานเกียกกาย
- ด่านจรัญสนิทวงศ์ 1-ถ.จรัญสนิทวงศ์ หน้าการไฟฟ้าฝ่ายผลิต (ถ.บางกรวยไทรน้อย)
- ด่านพระราม 6-ถ.ประชาราษฏร์สาย 1, ถ.รัชดาภิเษกฝั่งพระนคร, ถ.พิบูลย์สงคราม
- ด่านศรีรัช-ทางพิเศษศรีรัช, ถ.กำแพงเพชร 2
ทางขึ้น-ลง
มีการกำหนดทางขึ้น-ลงไว้ 6 แห่ง โดยแต่ละแห่งมีระยะห่างกันประมาณ 3 กม. ดังนี้
- ทางขึ้น-ลง กาญจนาภิเษก
- ทางขึ้น-ลง ราชพฤกษ์
- ทางขึ้น-ลง บางบำหรุ
- ทางขึ้น-ลง จรัญสนิทวงศ์
- ทางขึ้น-ลง พระรามหก
- ทางขึ้น-ลง กำแพงเพชร
ทางแยกต่างระดับ
ตอบสนองต่อความปลอดภัย และการเลี้ยวเปลี่ยนทิศทางของพาหนะ โดยทำให้เกิดการเลื่อนไหลของการจราจรอย่างอิสระ ในโครงการมี 3 แห่ง
- ทางแยกต่างระดับถ.กาญจนาภิเษก
- ทางแยกต่างระดับบรมราชชนนี
- ทางแยกต่างระดับศรีรัช
ความคืบหน้าโครงการ
โครงการมีมูลค่ารวมภาษีแล้ว อยู่ที่ประมาณ 24,000 ลบ. ปัจจุบันมีความก้าวหน้ากว่า 70% เร็วกว่าแผนงานที่ตั้งไว้ 2.52% ขณะนี้อยู่ระหว่างงานก่อสร้างสายทางหลัก งานสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา งานอาคารด่าน และงานโครงสร้างทางขึ้น-ลง คาดว่าก่อสร้างจะแล้วเสร็จ พ.ค. 2559 จากนั้นจะเปิดให้บริการใน ก.ค. 2559
หลังเปิดใช้บริการปีแรก คาดรถมาใช้บริการ 97,000 คัน/วัน การเก็บค่าผ่านทางมี 2 แบบ เก็บเงินก่อนใช้บริการทางด่วนในราคาเหมาจ่าย 50 บาท และเก็บเงินผ่านระบบเก็บเงินอัตโนมัติหรือบัตร Easy Pass
ปัจจุบันได้รับสัมปทานจากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ในโครงการระบบรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล (สายสีน้ำเงิน ช่วงบางซื่อ-หัวลำโพง) ซึ่งให้บริษัทมีสิทธิ ในการให้บริการเดินรถและจัดเก็บรายได้ค่าโดยสาร
และอีกโครงการคือ โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง (คลองบางไผ่-เตาปูน) เป็นสัมปทานรับจ้างเดินรถ ซึ่งอยู่ระหว่างการทดสอบเดินรถ และพร้อมเปิดให้บริการได้ภายในปี 2559
ในอนาคตBMCL อาจได้รับสัมปทานในรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินช่วงบางซื่อ-ท่าพระเพิ่มเติม เนื่องจากเป็นเส้นทางต่อเนื่องจากเส้นทางสัมปทานเดิม รวมถึงส่วนต่อขยายสายสีม่วง สายสีส้ม สายสีแหลือง และสายสีชมพู ซึ่งเราต้องรอดู ติดตามควาบคืบหน้ากันต่อไป เนื่องจากเป็นโครงการในมาตรการเร่งรัดให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (PPP fast track)
เส้นทางสัมปทานรถไฟฟ้าของ BMCL
ความคืบหน้ารถไฟฟ้าสายสีม่วง
โครงสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่ - บางซื่อ เริ่มจากบริเวณคลองบางไผ่ซึ่งเป็นที่ตั้งของศูนย์ซ่อมบำรุงรถไฟฟ้า ถนนวงแหวนรอบนอก (ตะวันตก) กาญจนาภิเษก เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนรัตนาธิเบศร์ ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาใกล้สะพานพระนั่งเกล้า ก่อนถึงสี่แยกแครายจะเลี้ยวขวาไปตามถนนติวานนท์ เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนกรุงเทพ - นนทบุรี ถึงบริเวณแยกเตาปูน มีสถานีเตาปูนเป็นสถานีเชื่อมต่อกับสถานีบางซื่อของรถไฟฟ้ารถไฟฟ้าใต้ดิน MRT (สายสีน้ำเงิน) และในอนาคตจะเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงบางซื่อ - ท่าพระ และรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน - ราษฎร์บูรณะ
ปัจจุบันสถานีและเส้นทางเดินรถก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมทดลองเดินรถแล้ว มีรถไฟมาแล้ว 3 ขบวน หลังจากนี้ขบวนรถไฟฟ้าจะทยอยเดินทางมาถึงประเทศไทย จนครบทั้ง 21 ขบวนภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2559
รายได้ที่ผ่านมาของ BECL และ BMCL
จากการรวบรวมรายได้ของBECL และ BMCL พบว่ารายได้ของทั้งสองบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นไปอีก
BEM จะเข้าสู่ยุคทองตั้งแต่ปี 59 เนื่องจากจะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์เพิ่มอีก 2 เส้นทางคือ ทางพิเศษสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอกราว 3Q59 และ รถไฟฟ้าสายสีม่วงในวันที่ 12 ส.ค. 59 คาดว่าเมื่อทั้งสองโครงการเปิดให้บริการแก่ประชาชน ในปี 2560 ธุรกิจทางด่วนจะสามารถสร้างรายได้ถึง 6,000 ลบ. และ ธุรกิจรถไฟฟ้าสร้างรายได้ได้ประมาณ 4,000 ลบ. ซึ่งจะทำให้รายได้รวมขยายตัวได้เฉลี่ยถึงปีละ 25% และ ในช่วง 5 ปีข้างหน้าอาจเติบโตได้ถึง 32%
เมื่อรถไฟฟ้าสายสีม่วงเปิดให้บริการ จะมีส่วนทำให้รถไฟฟ้าทั้งสองสายมีผู้มาใช้บริการเพิ่มขึ้น 60,000 คน จากเดิมเฉลี่ย 260,000 คน/วัน เป็น 300,000 คน/วัน ซึ่งผ่านจุดคุ้มทุน ส่งผลให้รายรับของ BMCL เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมถึง 700 ลบ./ปี อีกทั้งยังคาดการณ์ว่าผู้โดยสารที่ใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีม่วงและสายสีน้ำเงินพร้อมกับส่วนขยายในปี 60 จะมีมากถึง 800,000 คน/วันเลยทีเดียว
นอกจากนั้น จำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้าที่จะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงจำนวนผู้ชมสื่อโฆษณาเคลื่อนที่ที่มากขึ้น จึงเพิ่มโอกาสให้ธุรกิจสื่อโฆษณาบนรถไฟฟ้าของบริษัทลูกอย่าง BMN ค่อยๆเติบโตขึ้น และจะเติบโตชัดเจนอย่างมากเมื่อการขนส่งมวลชนระบบรางครอบคลุมพื้นที่ได้กว้างมากยิ่งขึ้น
Info : BECL, BMCL, BEM, EXAT, MONEY CHANELS, BANGKOK POST, NOW26
BECL & BMCL