The Strand Thonglor โครงการ New Highlight ทำเลทองหล่อ
ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมานี้ หลายๆ คนคงคุ้นชินกับคำว่า Mixed-use Project มากขึ้น จากการที่เริ่มมี Developers หลายเจ้าเปิดตัวโครงการประเภทนี้ออกมาไม่ขาดสาย จนเรียกว่าเป็น Trend อสังหาช่วงนี้เลยก็ว่าได้ วันนี้เราจะพาทุกท่านมาชมโครงการ THE STRAND THONGLOR โครงการ Mixed-use ใหม่ล่าสุด ที่ร่วมทุนระหว่าง Developer เจ้าใหญ่อย่าง MQDC และDeveloper หน้าใหม่อย่าง One.Six Development
ซึ่ง MQDC ก็เป็นหนึ่งใน Developer ที่บุกเบิกโครงการประเภท Mixed-use ในกรุงเทพ ทำให้โครงการ The Strand Thonglor เป็นโครงการที่น่าจับตาดูไม่น้อย ทั้งในเรื่องทำเลสุดพรีเมี่ยม ที่ตั้งอยู่ปากซอยทองหล่อ (สุขุมวิท 55) หรือเพียง 30 ม. ถึงสถานีบีทีเอส และในเรื่องคอนเซ็ปต์ Mixed-use ของโครงการว่าจะมีฟังก์ชั่นของอาคารอะไรเป็นพิเศษเหมาะกับไลฟ์สไตล์ย่านทองหล่อบ้าง
One.Six Development คือใคร ?
บริษัท 1.6 ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ( One.Six Development ) ถือเป็นแบรนด์น้องใหม่ ในวงการอสังหา ที่มีเป้าหมายบุกตลาดคนรุ่นใหม่อย่างชัดเจน สังเกตได้จากโครงการแรกอย่าง The Strand Thonglor ที่มีการร่วมมือกับ MQDC จุดมุ่งหมายในการออกแบบโครงการให้แตกต่ างไปจากโครงการอื่นๆ บนทำเลเดียวกัน โครงการนี้จึงได้เปิดตัวเป็นโครงการประเภท Mixed-use ประกอบไปด้วย คอนโด High-rise และพื้นที่รีเทล ที่เน้นความต้องการขั้นพื้นฐานของลูกค้าสมัยใหม่โดยรอบด้านอย่างแท้จริง นอกเหนือจากการอยู่อาศัย คนสมัยนี้มักใฝ่ฝันถึงที่อยู่อาศัยบนทำเลที่เดินทางสะดวก และใกล้สิ่งอำนวยความสะดวกทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะ 'กิน-เที่ยว-ช้อปปิ้ง' ยิ่งมีส่วนของรีเทลมาอยู่ใต้อาคารที่อยู่อาศัย ก็จะยิ่งสะดวกสบายแก่ลูกค้ามากขึ้น
รวมไปถึง One.Six Development เห็นถึงข้อเท็จจริงที่ว่ามนุษย์ปัจจุบันใช้ชีวิตคู่กับเทคโนโลยีตลอดเวลา เทคโนโลยีจึงถือเป็นอีกหนึ่งความต้องการขั้นพื้นฐานของมนุษย์เลยก็ว่าได้ โครงการ The Strand Thonglor จึงได้มีการนำเอานวัตกรรมเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาผสมผสานในด้านการออกแบบโครงการ เช่น Home Automation ทำให้ โครงการ The Strand Thonglor จะเป็นโครงการที่ตอบโจทย์ลูกค้าสมัยใหม่อย่างแท้จริง
MQDC ทำโครงการ Mixed-use ใดบ้าง ?
MQDC เน้นทำโครงการ Mixed-use มีรวมฟังก์ชั่นของอาคารระหว่าง พื้นที่อยู่อาศัย, อาคารสำนักงาน, พื้นที่รีเทล และพื้นที่สีเขียว ในสัดส่วนที่สอดคล้องกับทำเลของแต่ละโครงการ ปัจจุบันมีโครงการที่เปิดตัวมาทั้งหมด 4 แห่ง
มีทั้งสร้างเสร็จแล้ว และยังดำเนินการก่อสร้างอยู่ ได้แก่ Whizdom 101, Forestias, Icon Siam และโครงการที่เปิดตัวใหม่ล่าสุด 'The Strand Thonglor' ที่ร่วมมือกับ One.Six Development
Whizdom 101
โครงการ Mixed-use แห่งแรกของ MQDC ที่เปิดตัวเมื่อปี 2558 มีแถลงการจับมือร่วมกับ TRUE เปลี่ยนโฉมโครงการทรู ดิจิทัล พาร์ค ให้เป็น Digital Innovation Hub ที่พร้อมตอบโจทย์การใช้ชีวิตดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ ภายใต้คอนเซ็ปต์ "Third Place" สถานที่พักผ่อนหย่อนใจนอกจากที่บ้านและที่ทำงาน ผสมผสานการพักผ่อนเข้ากับการทำงานอย่างลงตัว
โครงการ Mixed-use นี้ประกอบไปด้วย คอนโด High-rise 3 อาคาร, Community mall, พื้นที่เพื่อการสร้างสรรค์นวัตกรรมดิจิทัล และพื้นที่สีเขียว บนพื้นที่กว่า 34 ไร่ งบกว่า 30,000 ลบ. Landmark แห่งใหม่ย่านบีทีเอสปุณณวิถี ปัจจุบันได้เปิดตัวเป็นที่เรียบร้อย
Icon Siam
โครงการภายใต้ความร่วมมือของภาคเอกชน 3 องค์กรด้วยกัน ได้แก่ สยามพิวรรธน์, เครือเจริญโภคภัณฑ์ และMQDC
มีพื้นที่รวม 55 ไร่ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา เขตคลองสาน มีพื้นที่ใช้สอยทั้งโครงการ 750,000 ตร.ม. ประกอบไปด้วยพื้นที่ศูนย์การค้า และที่พักอาศัย แบ่งเป็น ไอคอนสยาม (Main retails & Entertainment) พื้นที่ 500,000 ตารางเมตร และไอคอนลักซ์ (Luxury Wing) พื้นที่ 25,000 ตารางเมตร และคอนโดมิเนียมพักอาศัยมาตรฐานระดับโลก 2 อาคาร คือ แมกโนเลียส์ วอเตอร์ฟร้อนท์ เรสซิเดนซ์ ณ ไอคอนสยาม และ เดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ พื้นที่รวม 225,000 ตร.ม. ปัจจุบันได้เปิดตัวเป็นที่เรียบร้อย
The Forestias
เดอะฟอเรสเทียส์
คอนเซ็ปต์ "Imagine Happiness" บนพื้นที่กว่า 300 ไร่ บริเวณถ.บางนา-ตราด กม.7 มูลค่าโครงการกว่า 90,000 ลบ. Mixed-use Lifestyle ประกอบด้วย ที่อยู่อาศัย, พื้นที่รีเทล, อาคารสำนักงาน, ศูนย์สุขภาพ, อาคารนวัตกรรมแห่งอนาคต, ผืนป่าสันทนาการ, พื้นที่กิจกรรมสำหรับชุมชน, ศูนย์เรียนรู้ และระบบนิเวศธรรมชาติขนาดใหญ่ คาดว่าเปิดตัวปี 2565
ทำไม The Strand Thonglor ถึงต้องเป็น Mixed-use ?
เราได้สรุปผลประโยชน์จากการทำโครงการประเภท Mixed-use ในแง่มุมของ นักลงทุนรายใหญ่อย่าง Developer นักลงทุนรายย่อย อย่าง Renter (ผู้เช่า) รวมไปถึงแง่ของคนที่ซื้อคอนโด หรือ Resident (ผู้อยู่อาศัย) ในโครงการ Mixed-use ว่าแต่ละกลุ่มได้ประโยชน์อย่างไรบ้าง?
สำหรับ Developer ที่เลือกลงทุนโครงการ Mixed-use เนื่องจากการที่ซื้อที่ดินทำเลดีๆ มา 1 ที่ ราคาที่ดินก็แน่นอนว่าเพิ่มสูงขึ้นทุกปี การทำโครงการที่อยู่อาศัยประเภทเดียว ทำให้หมดสิทธิที่จะได้ผลประโยชน์จากที่ดินผืนนี้ในอนาคต ดังนั้นการแบ่งพื้นที่โครงการให้มีส่วนเช่าด้วย ก็สามารถสร้างกำไรได้ในระยะยาวจากค่าเช่า แปรผันตรงกับราคาที่ดินและเศรษฐกิจในอนาคต อีกทั้งถือว่าเป็นการกระจายความเสี่ยงในการลงทุน แม้ว่าโครงการคอนโดจะมีการแข่งขันสูง แต่โครงการประเภทอื่น อย่างโรงแรม อาคารสำนักงาน หรือรีเทล ยังมีความเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ในแง่ของผู้อยู่อาศัย (Resident) ที่ซื้อห้องชุดอยู่ในโครงการ Mixed-use จะสามารถเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกหลายรูปแบบอย่างรวดเร็ว จริงๆ แล้วอยู่บ้านที่ใกล้ห้างก็ถือว่าสะดวกแล้ว แต่ก็จำเป็นต้องเดินทางอยู่ดี แต่การที่มีที่พักอาศัยอยู่บนร้านค้า หรืออาคารสำนักงาน เลยนั้น ถือเป็นความสะดวกที่แท้จริง ประหยัดเวลาในการเดินทาง ในระหว่างการใช้ชีวิตประจำวัน และการซื้อห้องชุดไว้เพื่อเก็งกำไรมีโอกาสที่จะขายได้มาก
ในด้านผู้เช่าร้านค้า (Renter) เป็นนักลงทุนรายย่อยที่มาเช่าพื้นที่เพื่อทำกิจการใดๆ ในโครงการ Mixed-use เนื่องจากว่าโครงการ Mixed-use ทั้งหลายต่างถูกคัดสรรมาให้อยู่ในทำเลทอง จึงนำพาเหล่าลูกค้าขาประจำ รวมไปถึงลูกค้าใหม่ๆ มาอุดหนุนร้านมากขึ้น ได้กลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย
New Lifestyle ต้นซ.ทองหล่อ
ที่จริงแล้ว ซอยทองหล่อนั้นมีโครงการ Mixed-use อื่นๆ อีกมากมาย ในลักษณะที่รวมที่อยู่อาศัยกับออฟฟิศ หรือ ออฟฟิศกับรีเทล เป็นต้น โครงการ The Strand Thonglor นับเป็นโครงการ Mixed-use ตัวใหม่ล่าสุด ที่ตั้งอยู่บริเวณต้นซอยทองหล่อ ย้ำว่า "ต้นซอยทองหล่อ" เพราะคงไม่มีโครงการไหนที่จะอยู่ต้นซอยไปกว่านี้แล้ว ห่างจากบีทีเอสสถานีทองหล่อเพียง 30 ม. สามารถเข้าโครงการได้จากทั้งซอยทองหล่อ 55 และ 57 ซอยทองหล่อเป็นซอยที่ยาวมาก Lifestyle ต้น-กลาง-ท้าย ซอย ก็จะมีความแตกต่างกันไปอีก
โครงการ The Strand Thonglor มาเปิดที่ต้นซอยก็ถือเป็นการนำความเจริญมาสู่บริเวณ นี้ ยิ่งด้วยเป็นโครงการที่มีส่วน Mixed-use เป็นส่วนรีเทล และออฟฟิศ ก็จะนำพาผู้ที่อาศัยอยู่ในละแวกปากซอยเข้ามาใช้งานได้ ประกอบกับโครงการเปิดพื้นที่ชั้นล่าง ให้เป็นพื้นที่สวนสีเขียว ให้คนทั่วไปได้เข้ามาใช้กันด้วย เรียกได้ว่าหากสร้างเสร็จนั้น สร้างความน่าดึงดูด มาสู่โซนต้นซอยทองหล่อ มากขึ้น
Mixed-use อื่นๆ ในซ.ทองหล่อ
สิ่งที่ The Strand Thonglor ถูกออกแบบให้มาเป็นส่วนหนึ่งของบริบท ด้วยความที่เป็น Mixed use เช่นเดียวกับหลายๆ โครงการในทองหล่อ ที่ประกอบไปด้วยที่พักอาศัย, อาคารสำนักงาน, ร้านค้า และคอมมูนิตี้มอลล์ อย่าง โครงการ The Eight Thonglor ก็เป็นโครงการที่ ผสมระหว่างที่อยู่อาศัย ในรูปแบบคอนโดระดับ Hi-end 34 ชั้น ส่วนชั้น 1-3 ล่างสุด ก็เป็น พื้นที่รีเทล สำหรับร้านค้าต่างๆ
ซึ่งในซอยทองหล่อจะมีโครงการที่ผสมระหว่างพื้นที่อยู่อาศัยและรีเทลอยู่อีกหลายโครงการ ได้แก่ Somerset Sukhumvit Thonglor Bangkok, Park Thonglor Tower และ Fifty Fifth Tower นอกจากนี้ในซอยทองหล่อยังมีโครงการที่รวมระหว่างส่วนของสำนักงานและที่อยู่อาศัย ได้แก่โครงการ Vasu Residence เป็นต้น
The Eight Thonglor
Community Mall X Condo
Somerset Sukhumvit Bangkok Thonglor
Serviced Apartment X Commercial Area
Vasu Residence
Condo X Office Area
Lifestyle อื่นๆ ในซ.ทองหล่อ
ทองหล่อหนึ่งในทำเลดาวเด่นของถ.สุขุมวิท เต็มไปด้วยความหลากหลาย ไม่ว่าจะกลุ่มผู้อยู่อาศัยที่หลากหลายสัญชาติ สิ่งอำนวยความสะดวกที่มีหลากหลายรูปแบบ ตลอดทั้งกลางวันกลางคืน เวลากลางวันก็มีร้านอาหาร คาเฟ่ ที่โด่งดังมากมาย
และยังเป็นย่านสำหรับคนวัยทำงาน เพราะมีออฟฟิศอยู่ในทำเลนี้ไม่น้อยเช่นกัน ส่วนกลางคืนก็มีบาร์, ร้านอาหารชื่อดัง ทำให้ซอยทองหล่อคึกคักตลอดทั้งวัน ปัจจุบันมี สายรถไฟฟ้า สายสีเขียว (สายสุขุมวิท) ผ่านที่ถนนสุขุมวิท และในอนาคตจะมีสายสีเทา ซึ่งจะวิ่งผ่านที่ซ.ทองหล่อ
The Strand Thonglor
โครงการ Mixed-use ใหม่ล่าสุดในซอยทองหล่อ
The Strand Thonglor มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์ 'ความเรียบหรู' ภายใต้ความสมดุลระหว่างรูปลักษณ์และฟังก์ชั่นการใช้งาน ตั้งอยู่บนทำเลต้นซอยทองหล่อ จึงทำให้ผู้อยู่อาศัยได้สัมผัสสีสันของชีวิตในเมืองอย่างมีระดับอย่างแท้จริง ความพรีเมี่ยมของโครงการ ไม่ได้มีแค่ทำเล และรูปลักษณ์โครงการเท่านั้น
ภายในแต่ละยูนิตได้ถูกคัดสรรวัสดุชั้นเลิศที่ได้คุณภาพ และตกแต่งอย่างพิถีพิถัน มอบความงดงามที่เหนือการเวลา คงความเรียบง่ายและสง่างามไว้ตลอดกาล พร้อมทั้งความคงทนในการใช้งาน
FACT SHEET
ลักษณะโครงการ : Mixed-use คอนโด High Rise สูง 30 ชั้น
ที่ตั้ง : ซ.สุขุมวิท 55 แขวงคลองตันเหนือ กรุงเทพ(ห่างจากสถานีทองหล่อ 30 ม.)
ผู้พัฒนาโครงการ : One.Six Development ร่วมทุนกับ MQDC
ขนาดโครงการ : 1-2-46 ไร่
จำนวนที่จอดรถ : 204 คัน คิดเป็น 103% (ที่จอดรถอัตโนมัติ)
ราคาเริ่มต้น : 17 ลบ.
ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ : 365,000 บ. /ตร.ม.
รูปแบบห้องพักอา ศัย :
1 Bedroom ขนาด 48.10 – 55.00 ตร.ม.
2 Bedrooms ขนาด 73.00 – 90.60 ตร.ม.
2 Bedrooms Duplex ขนาด 110.40 ตร.ม.
3 Bedrooms Penthouse ขนาด 184.20 ตร.ม.
Facilities
ชั้น 1-3 (Commercial Zone)
ชั้น 2 : Speakeasy Bar (Bar Restaurant)
ชั้น 3 : Micro-Office & Business Lounge
ชั้น 6 : Play room, Tutor Room
ชั้น 27 - Rooftop : The Living Room, Swimming Pool, Kid’s Pool, Jacuzzi, Putting Green, Fitness & Meditation Studio, Changing Rooms & Sauna Rooms, Roof Top Terrace
ระบบรักษาความปลอดภัย : 24-hour security system, Guard house, Access control system
Strand Residences Application (Home Automation & Integrated Service)
Concept ของโครงการ The Strand
โครงการ The Strand Thonglor เป็นโครงการ Mixed-use ที่ประกอบไปด้วยส่วน Commercial Facilities ซึ่งก็คือโซนรีเทล ร้านค้าต่างๆ ส่วนชั้น 6 ขึ้นไปจะเป็นโซนที่อยู่อาศัย ประเภทคอนโด ในส่วนของ Residential Facilities จะมีชั้น 1 คือ Strand Park ที่สามารถเปิดให้ลูกบ้าน และบุคคลทั่วไปเข้ามาใช้ได้ ส่วน Facilities ชั้น 6 และชั้น 27 - Rooftop จะเป็น Private Facilities ใช้ได้เฉพาะลูกบ้านเท่านั้น
บริเวณชั้น 6 จะเป็นโซน Play Room และ Tutor Room ส่วนชั้น 27 และ 27 A จะเป็น Facilities หลักของโครงการ ที่เรียกรวมๆ ว่า Club House ส่วนชั้น Rooftop จะเป็น Rooftop Terrace มีพื้นที่นั่ง และดูวิวยามค่ำคืน
Building's Circulations
Facilities
Floor Plan
Show Unit : 1 Bedroom - 55.00 sq.m.
ในส่วนของห้องนั่งเล่นของห้องชนิด 1 Bedroom จะมีขนาดที่ใหญ่กว่าห้องนอนพอสมควร เพราะเน้น โซนนั่งเล่นที่สามารถทำกิจกรรมตอนกลางวันได้มากกว่าในห้องนอน พื้นที่บริเวณห้องครัว เชื่อมกับบริเวณทานอาหาร และโซนนั่งเล่น โดยไม่มีผนังกั้น ทำให้โปร่งโล่ง ห้องทุกแบบจะมีระเบียง ที่สามารถเข้าได้สองทาง จากห้องนอน และห้องนั่งเล่น
ห้องนอนจะมีพื้นที่ว่างสำหรับทำ Walk-in Closet ได้ ในส่วนพื้นที่จริงของห้องนอน จึงมีพื้นที่พอที่จะวางเตียงขนาด 6 ฟุต และโต๊ะนั่งทำงาน จะมีห้องน้ำในตัว จึงอาจจะไม่เหมาะหากมีแขกมาบ่อยๆ เนื่องจากต้องเดินผ่านห้องนอน เพื่อมาเข้าห้องน้ำ
ทางโครงการจะให้สุขภัณฑ์ห้องน้ำมาลักษณะนี้เลย มีฉากกั้นโซนเปียก-แห้งเรียบร้อย ซึ่งจะมีกระจกใสเป็น Sexy-bath กระจกเข้ามุม มองเห็นภายนอกขณะอาบน้ำได้
Show Units : 2 B edrooms - 90.50 sq.m.
ห้องชนิด 2C เป็นห้องแบบ 2 Bedrooms 2 Bathrooms ขนาด 90.50 ตร.ม. เป็นห้อง Corner Room จุดเด่นคือความโปร่งโล่งสบายของการจัดแปลน ที่เชื่อมตั้งแต่ทางเข้าห้องไปยังโซนครัว, โซนทานอาหาร และโซนนั่งเล่น สามารถวาง Furniture ได้หลายรูปแบบ ประกอบกับการออกแบบที่มี กระจกแนวยาวสูงชิดเพดาน วางตัวรูป L และเพดานที่สูงถึง 3 ม. ทำให้ห้องโปร่งโล่งสบาย ห้องดูใหญ่ขึ้นกว่าเดิม ไม่อึดอัด ถึงพื้นที่จะเชื่อมกัน แต่แยกออกจากกันอย่างเป็นสัดส่วน โซน Living สามารถวางทีวีขนาดใหญ่ชิดผนังได้
เข้ามาถึงก็จะพบกับโซนครัว ที่จะให้ชุดครัว รวมไปถึง Counter ที่เป็น Island มาด้วย Top ครัว ใช้หินคุณภาพดี Caesarstone ที่มีความสวยงามแบบเรียบหรู แต่คุณสมบัติด้านความทนทานไม่เป็นรองใคร ทนแต่แรงกระแทก รวมถึงรอยขีดข่วน และการดูดซึมน้ำด้วย
สามารถวางโต๊ะทานอาหาร 4-6 ที่นั่งได้สบายๆ บริเวณกลางห้อง หรือจะวางหลบข้างแบบให้ห้องตัวอย่าง เพื่อเพิ่มพื้นที่สำหรับโซนนั่งเล่น มากขึ้น
Master Bedroom สามารถวางเตียงขนาด 6 ฟุต ได้สบายๆ ปลายเตียงแขวนทีวีไว้ที่ผนังเพื่อประหยัดพื้นที่ในการเดินผ่านไปฝั่งกระจก สามารถวางโต๊ะทำงานหรือโซฟาภายในห้องได้ จากภายในห้องจะติดกับ Sexy Bath ข้อดีคือไม่เป็นผนังทึบ ทำให้ห้องดูโปร่งขึ้น
Master Bathroom จะเป็นห้องน้ำที่ถัดมาจากโซน Walk-in Closet ภายใน Master Bedroom อ่างน้ำ Acrylic วางขนาบกระจกเข้ามุม มองเห็นภายนอกได้ เป็น Sexy Bath และมีโซน Shower ข้างๆ ที่ถูกกั้นด้วยกระจกใสที่ทางโครงการให้มา
ห้องนอนเล็ก หรือ จะเรียกว่าห้องอเนกประสงค์ก็ได้ แต่เนื่องจากว่ามีขนาดใหญ่พอที่จะสามารถทำเป็นห้องนอน วางเตียงขนาด 5 ฟุตได้สบายๆ และข้อดีคือเชื่อมกับห้องน้ำด้วย ทำให้เหมาะที่จะทำเป็นห้องนอน แบบห้องตัวอย่างก็จะทำเป็นห้องนอนเด็กเล็ก ซึ่งจะมีประตูเชื่อมกับระเบียงได้ อีกด้วย
ห้องน้ำนี้จะสามารถเข้าได้สองทาง เชื่อมกับห้องนอนเล็ก และโซนนั่งเล่น จะมีฉากกั้นห้องน้ำกั้นโซนเปียก-แห้งให้มาเรียบร้อย ส่วนโซนอาบน้ำจะให้มาเป็นฝักบัว ไม่มีอ่างอาบน้ำ
Unit's Highlights
กระจก Laminated IGU
เป็นกระจกประหยัดพลังงาน เนื่องจากมีคุณสมบัติยอมให้แสงผ่านเข้าได้ตามปกติแต่ ยอมให้ความร้อนผ่านเข้ามาน้อย เพราะกระจกมีฉนวนช่องว่างอากาศคั่นตรงกลาง ทำให้ประสิทธิภาพการถ่ายเทความร้อนได้ดี ประหยัดพลังงาน ช่วยลดการใช้งานของเครื่องปรับอากาศ และไฟฟ้าภายในอาคาร ลดเสียงจากภายนอก ทำให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกสบาย ไม่ร้อนจากการแผ่รังสีของกระจก ซึ่งทางโครงการจะใช้กระจก IGU ทั้ง Facade ของอาคาร ไม่ต้องกังวลหากจะเลือกซื้อห้องทางทิศตะวันตก หรือทิศใต้ ที่โดนแดดมาก ก็เย็นสบายหายห่วงแน่นอน
ระบบ ERV
เป็นเทคโนโลยีที่เป็นไฮไลท์สำคัญ จะช่วยถ่ายเทอากาศภายในห้องที่เราอยู่ให้มีคุณภาพที่ดีขึ้น จากระบบตรวจวัดคุณภาพอากาศ ภายในห้อง หากพบว่ามีปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือ CO2 มากกว่าที่กำหนดไว้ ระบบจะทำการเชื่อมโยงอัตโนมัติไปยังเครื่อง ERV เพื่อเติมอากาศจากด้านนอกเข้ามาภายในห้อง ซึ่งจากการวิจัย เครื่องนี้จะมีส่วนช่วยสำคัญในการถ่ายเทอากาศในเวลานอน โดยเฉพาะห้องนอนที่นอน 2 คนขึ้นไป จะมีปริมาณ CO2 มากกว่าปกติ ส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาว
Home Automation
ในส่วนของ Home Automation ในบ้านสามารถควบคุมการเปิดปิดไฟได้จากทั้งโทรศัพท์มือถือ Smart phone และโถงทางเดินที่ ในรีโมทจะมี Master switch ที่สามารถเปิดปิดไฟได้ทั้งหมด เช่นเดียวกับระบบแอร์และกล้องวงจรปิดที่สามารถสั่งการผ่านมือถือจากที่ใดก็ได้ ซึ่งสามารถเชื่อมระบบผ้าม่านอัตโนมัติ และ Digital Door Lock เข้าระบบ Home Automation ได้อีกด้วย ถึงแม้จะอยู่ต่างประเทศก็สามารถสั่งการได้ และที่สำคัญคือ สามารถกดเพื่อติดต่อเจ้าหน้าที่ประจำโครงการได้อีกด้วย ซึ่งก็ถือว่าสะดวกมากๆ หากเกิดกรณีฉุกเฉิน
Unit Plans
1 Bedroom
2 Bedrooms
Duplex & Penthouse
สรุปทุกประเด็นที่คุณควรรู้
โครงการ The Strand Thonglor ตั้งอยู่บนซอยทองหล่อ (สุขุมวิท 55) สามารถเข้าโครงการได้จากทั้งฝั่งซอย 55 และ 57 ห่างจากบีทีเอสสถานีทองหล่อ เพียง 30 ม. เรียกได้ว่าเป็นโครงการ Mixed-use ที่ตั้งอยู่บนทำเลต้นซอยสุดๆ เดินทางสะดวกทั้งรถยนต์ และบีทีเอส ชั้น 1-5 จะเป็นโซน Public ที่จะมี ร้านค้า, ร้านอาหาร, สวนหย่อม และ ออฟฟิศ เปิดให้ผู้คนภายนอกเข้ามาใช้งานได้ ซึ่งจะมาเติมเต็มทำเลต้นซอยทองหล่อมากขึ้น
นอกจากเรื่องโครงการที่ทันสมัยในเรื่องการทำเป็น Mixed-use แล้วนั้น ทุกรายละเอียดของโครงการเน้นการใช้งานได้จริง และให้ความสะดวกสบายที่สุดแก่ลูกค้า ไม่ว่าจะ Automatic Parking 103% , EV Charger, Laminated IGU Glass Facade และนอกจากนี้ภายในห้องพักยังมี Home Automation และ ระบบ ERV ตรวจจับ CO2 เรียกได้ว่าเป็นการยกระดับมาตรฐานคอนโดสมัยใหม่อย่างแท้จริง
วัสดุที่ทางโครงการได้เลือกมาใช้ในโครงการ ซึ่งถือเป็นวัสดุที่ใช้ที่ค่อนข้างสมเหตุสมผล คู่ควร และคุ้มค่ากับราคา ซึ่งมีแนวคิดที่นอกจากจะช่วยตอบสนองต่อบรรยากาศ ความสวยงาม ความกลมกล่อมในงานออกแบบแล้ว ความแข็งแรง ความคงทน และคุณภาพ เป็นอีกหนึ่งปัจจัยหลักในการเลือกใช้วัสดุแต่ละประเภทแต่ละพื้นที่การใช้งาน ซึ่งได้มีการเลือกสรรให้เหมาะสมกับลักษณะการใช้งานในแต่ละพื้นที่อย่างเหมาะสม มีการรับประกัน กระจก, หลังคา, โครงสร้าง และระบบน้ำ ถึง 30 ปี
อยากทราบข้อมูลเพิ่มเติม
ตามต่อได้ที่ Link ด้านล่างเลยครับ
http://www.thestrandthonglor.com/