เมื่อปี 2561 ที่ผ่านมาทางแสนสิริได้เปิดตัวแบรนด์คอนโด XT พร้อมคอนเซปต์สุดล้ำ Extend Your Style ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ด้วยฟังก์ชั่น Co-Sharing Facility ที่ลูกบ้านแต่ละโครงการสามารถแชร์พื้นที่ส่วนกลางร่วมกันได้ โดยประกอบด้วย 3 โครงการ บนทำเลใจกลางเมือง ได้แก่ XT Huaikhwang, XT Ekkamai และ XT Phayathai
และในบทความนี้เราจะไปเจาะลึกโครงการ XT Phayathai กับศักยภาพทำเลที่ไม่ควรมองข้าม ด้วยปัจจัยหลายๆ อย่างที่เอื้อต่อการเติบโตทางด้านราคาของอสังหาฯ รวมไปถึงกลุ่มคอนโด High Rise ในย่านนี้ พร้อมรายละเอียดและจุดเด่นของโครงการ ที่ทำให้ XT Phayathai เป็นอีกหนึ่งโครงการ ที่คุ้มค่าทั้งในด้านการลงทุน และประสบการณ์การอยู่อาศัยเลยทีเดียว
ขยายประสบการณ์การอยู่อาศัย กับแบรนด์คอนโด XT
Co-Sharing Facility
- สามารถใช้พื้นที่ส่วนกลางของโครงการอื่นๆ ภายใต้แบรนด์ XT ได้ เช่น ลูกบ้านจาก XT Phayathai ต้องการพื้นที่ทำงานศิลปะ หรือถ่ายภาพโปรโมทสินค้าก็สามารถใช้ Arts & Crafts Studio ของ XT Huaikhwang หรือแวะนั่งรอเพื่อนๆ ที่ Co-Work / Play Space ของ XT Ekkamai ก่อนออกไป Hang out ต่อ และลูกบ้านจากโครงการอื่น ก็สามารถใช้งาน Creative Playground ของ XT Phayathai ได้เช่นกัน โดยการเข้าใช้งานแต่ละครั้งจะต้องจองผ่าน Application และมีค่าบริการตามเงื่อนไขของแต่ละโครงการ
- ซึ่ง Co-Sharing Facility ของแบรนด์ XT แต่ละที่ก็ได้ดึงเอกลักษณ์ของทำเล มาพัฒนาเป็นฟังก์ชั่นที่ตอบโจทย์กลุ่มคนรุ่นใหม่ ทำให้ส่วนกลางของแต่ละโครงการมีความหลากหลาย น่าใช้งาน ยังเป็นการสร้าง Community ระหว่างลูกบ้านอีกด้วย
"พญาไท" ทำเลศักยภาพที่น่าจับตามอง
XT Phayathai ตั้งอยู่ในทำเลที่มีปัจจัยส่งเสริมต่อการลงทุน เพราะอยู่ใกล้ย่านการค้าสำคัญ แหล่งงานขนาดใหญ่ และมีระบบคมนาคมรองรับ ใกล้เคียงกับโซนสุขุมวิทตอนกลาง ที่ปัจจุบันเต็มไปด้วยคอนโดหรูมากมาย
โดยโซนพญาไทมีจุดเด่นในเรื่องการเดินทาง เพราะอยู่ใกล้อนุสาวรีย์ชัยฯ เป็นจุดเชื่อมต่อของระบบขนส่งสาธารณะ Airport Rail Link ที่เชื่อมเข้าสนามบินสุวรรณภูมิ และต่อไปจะเป็นเส้นทางเชื่อมต่อ 3 สนามบิน รวมถึงรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงตะวันตก ที่กำลังจะตามมา
ละแวกใกล้เคียงยังเป็น Hub ของสถานพยาบาล และสถาบันการศึกษาขนาดใหญ่ เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และบางส่วนของมหาวิทยาลัยมหิดลที่ตั้งอยู่ในโซนพญาไท-อนุสาวรีย์ชัยฯ โดยเฉพาะคณะที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์ และยังมีอาคารวรรณสรณ์ ศูนย์รวมสถาบันกวดวิชาชื่อดังอีกด้วย
และอีกปัจจัยสำคัญที่จะทำให้มูลค่าอสังหาฯ ในย่านพญาไทมีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้น คือ โครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้นในย่านพญาไทถึงกว่า 130,000 ตร.ม. จากข้อมูลของไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย ประกอบด้วยพื้นที่การค้า และสำนักงานเกรดเอ เพิ่มโอกาสในการรองรับองค์กรขนาดใหญ่ และบริษัทข้ามชาติเข้าสู่ย่านพญาไท
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับทำเลพญาไทได้ที่นี่ Click!
โครงการมิกซ์ยูสใหม่ในโซนพญาไท ที่มีทั้งแหล่งชอปปิ้ง และแหล่งทำงาน
Spring Tower
- ประเภทโครงการ: อาคาร Mixed-use สูง 27 ชั้น
- มูลค่าโครงการ: 2,500 ลบ.
- พื้นที่โครงการ: 2-3-97 ไร่
- พื้นที่สำนักงาน: 27,255 ตร.ม.
- เปิดให้บริการ: ปี 2562
One Phayathai
- ประเภทโครงการ: อาคาร Mixed-use สูง 25 ชั้น
- พื้นที่โครงการ: 1-3-0 ไร่
- พื้นที่สำนักงาน: ประมาณ 7,000 ตร.ม.
- เปิดให้บริการ: ปี 2564
The Unicorn Phayathai
- ประเภทโครงการ: อาคาร Mixed-use สูง 51 ชั้น
- มูลค่าโครงการ: 9,500 ลบ.
- พื้นที่โครงการ: ประมาณ 7 ไร่
- พื้นที่สำนักงาน: ประมาณ 22,000 ตร.ม.
- เปิดให้บริการ: ปี 2564
อนาคตที่สดใสของการลงทุนคอนโด High Rise ย่านพญาไท
เห็นศักยภาพในด้านทำเลไปแล้ว ทีนี้เราลองมาดูศักยภาพการลงทุนของคอนโด High Rise ในย่านพญาไท โดยเฉพาะการเติบโตของราคาซื้อ-ขายกันบ้างดีกว่า
หากย้อนไปซัก 5 ปีก่อน พบว่าราคาเฉลี่ยของคอนโดในย่านนี้อยู่ที่ 166K บ./ตร.ม. แม้ในกราฟราคาจะมีการแกว่งตัวบ้าง แต่โดยรวมก็ถือว่าเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะปี 2562 ที่โครงการ Spring Tower อาคารสำนักงานเกรด A แห่งใหม่บนย่านพญาไท กำลังจะเปิดให้บริการภายในสิ้นปีนี้ และอาจเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้ราคาเฉลี่ยซื้อ-ขาย ณ ปัจจุบัน (ปี 2562) เพิ่มขึ้นเป็น 203K บ./ตร.ม. โดยคิดเป็น Capital Gain ที่เพิ่มขึ้น 22.2% ในระยะเวลา 5 ปี หรือเฉลี่ยปีละ 4.4%
ซึ่งถ้าเราคาดการณ์ต่อไปด้วย Capital Gain ที่ 4.4% ต่อปีเช่นนี้ มีความเป็นไปได้ว่าในอีก 5 ปีข้างหน้า ราคาเฉลี่ยซื้อ-ขาย ของคอนโด High Rise ในย่านพญาไท จะสามารถเขยิบขึ้นไปแตะที่ 252K บ./ตร.ม. หรืออาจจะมากกว่านั้น
เช่นเดียวกับ ผลตอบแทนการปล่อยเช่าหรือ Gross Rental Yield ซึ่งมีตัวเลขอยู่ที่ 3.4% ต่อปีในปัจจุบัน ด้วยค่าเช่าเฉลี่ย 635 บ./ตร.ม./ด.
และเมื่อกลุ่มโครงการมิกส์ยูสทยอยสร้างเสร็จ ย่านพญาไทก็จะเต็มไปด้วยพื้นที่การค้า สำนักงาน และกลายเป็นแหล่งงานขนาดใหญ่ ทำให้เกิดความต้องการที่อยู่อาศัยมากขึ้น ส่งผลต่อการเติบโตด้านราคาซื้อ-ขาย และค่าเช่า เป็นผลดีกับผู้ที่ถือครองอสังหาฯ โดยเฉพาะคอนโด High Rise ในย่านนี้
Extend your Style ไปกับ XT Phayathai
- ชื่อโครงการ: XT Phayathai
- เจ้าของโครงการ: บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)
- ที่ตั้งโครงการ: ถ.ศรีอยุธยา กรุงเทพฯ
- พื้นที่โครงการ: ประมาณ 3 ไร่
- ประเภทโครงการ: คอนโด High Rise 2 อาคาร สูง 41 และ 37 ชั้น ไม่รวมชั้นใต้ดิน
- จำนวนยูนิต: 1,435 ยูนิต + 1 ร้านค้า
- รูปแบบห้อง:
- - 1 Bedroom (s) 25.25-33.75 ตร.ม.
- - 1 Bedroom (m) 40.50-49.75 ตร.ม.
- - 2 Bedroom (s) 61.00-74.75 ตร.ม.
- - 2 Bedroom (m) 82.25-101.00 ตร.ม.
4 Facts ที่คุณควรรู้ก่อนซื้อ XT Phayathai
1. Creative Playground (Co-Sharing Space)
Co-Sharing Space ของโครงการ XT Phayathai มาในคอนเซปต์ Creative Playground ที่ได้แรงบันดาลใจจากกลุ่มเป้าหมายของโครงการ ซึ่งมีตั้งแต่บุคคลากรทางการแพทย์ พนักงานออฟฟิศ ไปจนถึงนักเรียนนักศึกษา
ฟังก์ชั่นภายใน XT Club จึงแบ่งชั้นล่างเป็นส่วน Co-Working Space โซนพักผ่อนเล่นเกม เช่น VR และ Board Game ส่วนชั้นบนเป็นมุมทำงานที่เน้นความเป็นส่วนตัวมากขึ้น มีห้องประชุม และเก้าอี้นวดไว้ผ่อนคลายจากการทำงาน หรือนั่งอ่านหนังสือเป็นเวลานานๆ
2. Facilities มากถึง 4,500 ตร.ม.
นอกจาก Co-Sharing Space บริเวณชั้นล่างสุดของโครงการที่เป็นเหมือน Community ขนาดย่อมที่สามารถแชร์ร่วมกับเพื่อนบ้านโครงการอื่นๆ ภายในโครงการยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่สงวนไว้เฉพาะลูกบ้านของ XT Phayathai อีกหลายโซน ได้แก่
- ชั้น 8 - Tree Trunk Sanctuary พื้นที่สีเขียว ครอบคลุมความสูงถึง 3 ชั้น
- ชั้น 11 - 15 - Drapped Garden โถงทางเดินเปิดโล่ง พร้อม Vertical Garden มองทะลุลงไปเห็นสวนบริเวณชั้น 8
- ชั้น 16 - Forest Canopy สวนบริเวณชั้น 16 ตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่าง 2 อาคาร
- ชั้น 28 - Lookout Point จุดชมวิวบริเวณชั้น 28 ของอาคารฝั่งทิศใต้ เปิดรับวิวถนนศรีอยุธยา
- ชั้น 37 - Energetic Lap Pool และ Fitness
- ชั้น 41 - Co-Kitchen และ Super Living Room
3. อาคารใหม่ บนฐานรากเดิม เพิ่มเติมคือแข็งแรงยิ่งขึ้น!
ด้วยที่ตั้งของโครงการ XT Phayathai ในปัจจุบัน เคยเป็นโครงการคอนโดที่ก่อสร้างไว้เมื่อเกือบ 10 ปีที่แล้ว จึงอาจเกิดความเข้าใจผิดว่าเป็นการรีโนเวทเฉพาะรูปร่างหน้าตาภายนอก หรือต่อเติมจากโครงสร้างของอาคารเดิมรึเปล่า?
ซึ่งความจริงแล้วตัวอาคารของ XT Phayathai นั้นเป็นโครงสร้างใหม่ โดยทุบอาคารเดิมทิ้งทั้งหมด เหลือเพียงส่วนฐานราก ที่ผ่านการตรวจสอบและเสริมความแข็งแรงของโครงสร้าง โดยผ่านการคำนวณจากวิศวกรผู้เชี่ยวชาญทุกขั้นตอน
โดยทั่วไปแล้วการก่อสร้างอาคารโดยใช้ฐานรากเดิม จะต้องมีการตรวจสอบสภาพเดิมว่าสามารถใช้งานหรือไม่ ก่อนจะเสริมความแข็งแรงของฐานราก หรือเพิ่มเสาเข็มใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับแบบอาคารที่ถูกปรับขึ้นใหม่ ซึ่งถ้าเป็นโครงสร้างฐานรากของอาคารสูงในเขตกรุงเทพฯ ที่มีลักษณะเป็นชั้นดินอ่อน ก็จะใช้ฐานรากเสาเข็มที่ลึกถึง 52 ม. เพื่อความแข็งแรงมั่นคงของอาคาร
4. 40 แบบห้องกับ 3 ฟังก์ชั่นที่น่าสนใจ
ห้องของโครงการ XT Phayathai ขายในแบบ Fully-Fitted ที่มีการกั้นห้องเป็นสัดส่วน โดยมีแบบห้องทั้ง 1 Bedroom และ 2 Bedroom รวมกันมากถึง 40 แบบ ซึ่งห้องส่วนใหญ่ในโครงการจะเป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าตอนลึกแบบ Type 1E และ 1F บางส่วนที่เราจะนำมาวิเคราะห์กัน โดยแบ่งเป็น 3 ฟังก์ชั่นเด่นๆ ดังนี้
- 1. Conservative Style - ฟังก์ชั่นภายในประกอบด้วยส่วนครัว ส่วนนั่งเล่นและรับประทานอาหาร ห้องน้ำ ห้องนอน และระเบียงขนาดใหญ่ สามารถวางชุดโต๊ะเก้าอี้เล็กๆ ไว้นั่งอ่านหนังสือ หรือแบ่งส่วนไว้วางกระถางต้นไม้ แบบในห้องตัวอย่างที่ Type 1F-1M ซึ่งเป็นแบบห้องส่วนใหญ่ของโครงการ
- 2. ห้องนอนขนาดใหญ่ ใช้พื้นที่ได้เต็ม อย่าง Type 1F-4 ที่ดูเผินๆ แทบไม่ต่างจาก Type 1F-1M แต่ตรงระเบียงจะเป็นผนังทึบ เหมาะสำหรับวางตู้เสื้อผ้า ทำให้มีพื้นที่จัดเก็บเสื้อผ้าเพิ่มมากขึ้น หรือจะแบ่งพื้นที่บางส่วนของห้องนั่งเล่นเพื่อต่อเติมเป็น Walk-in Closet สำหรับคอลเลคชั่นกระเป๋า รองเท้าโดยเฉพาะก็ยังได้
- 3. เน้นพื้นที่ครัวและส่วนนั่งเล่นขนาดใหญ่ อย่างห้อง 1E ที่จะสลับครัวไปไว้ด้านในสุดของห้อง ทำให้ได้เคาน์เตอร์ครัวที่ยาวขึ้น รวมถึงส่วนนั่งเล่น และรับประทานอาหารขนาดใหญ่ ใกล้กับผนังกระจกทรงสูงเปิดรับวิวเมือง
3. Personalised Layouts ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ 6 แบบ
ห้องของโครงการ XT Phayathai ขายในแบบ Fully-Fitted ที่มีการกั้นห้องเป็นสัดส่วน ภายใต้คอนเซ็ปต์ Personalised Layout ตามเอกลักษณ์ของคอนโดภายใต้แบรนด์ XT เพื่อให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่มีความเฉพาะตัว ทั้ง 1 Bedroom และ 2 Bedroom รวมกันถึง 40 แบบ ซึ่งห้องส่วนใหญ่ในโครงการจะเป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าตอนลึกแบบ Type 1E และ 1F ที่เราจะนำมาวิเคราะห์กัน โดยสามารถแบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ได้ 6 สไตล์ ดังนี้
- 1. Naturalist - ฟังก์ชั่นภายในประกอบด้วยส่วนครัว ส่วนนั่งเล่นและรับประทานอาหาร ห้องน้ำ ห้องนอน และมีจุดเด่นที่ระเบียงขนาดใหญ่ เหมาะกับคนส่วนใหญ่ที่มีความเป็น Naturalist อยู่ในตัว แบบในห้องตัวอย่างที่ Type 1F-1M ซึ่งเป็นแบบห้องส่วนใหญ่ของโครงการ
- 2. Fashionista - ตอบโจทย์สายแฟชั่นด้วยพื้นที่ใช้สอยจัดเต็ม อย่าง Type 1F-4 ที่ดูเผินๆ แทบไม่ต่างจาก Type 1F-1M แต่ตรงระเบียงจะทำเป็นผนังทึบ ทำให้มีพื้นที่จัดเก็บเสื้อผ้าเพิ่มมากขึ้น หรือจะแบ่งพื้นที่บางส่วนของห้องนั่งเล่นเพื่อต่อเติมเป็น Walk-in Closet สำหรับคอลเลคชั่นกระเป๋า รองเท้าโดยเฉพาะก็ยังได้
- 3. Master Chef - เน้นพื้นที่ครัวขนาดใหญ่ อย่างห้อง 1E ที่จะสลับครัวไปไว้ด้านในสุด พร้อมผนังกระจกเปิดรับวิวขณะทำอาหาร และรับประทานอาหารมื้อพิเศษ
4. Party Goer - สำหรับคนเพื่อนเยอะ ที่บางครั้งก็นัดกันมาดูหนัง เล่นเกม หรือเด็กมหาลัยที่ต้องการพื้นที่ติวหนังสือกับกลุ่มเพื่อน นอกจากครัวขนาดใหญ่ใน Type 1E แล้ว ยังสามารถประยุกต์ส่วนห้องนอนที่อยู่ติดกันให้กลายเป็นมุมนั่งเล่น ด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่เคลื่อนย้ายง่าย หรือมีฟังก์ชั่นที่ยืดหยุ่นได้
5. Snoozy Head - เหมาะกับคนที่ชื่นชอบพักผ่อนเป็นชีวิตจิตใจ ลักษณะห้องที่ยกตัวอย่างมานี้คล้ายๆ Type 1F-4 ของกลุ่ม Fashionista แต่เปลี่ยนจากตู้เสื้อผ้าเป็น Sofa bed ซักตัวตั้งไว้ริมหน้าต่างบานกว้าง เผื่อไว้สำหรับนั่งอ่านหนังสือแล้วเผลอหลับไปในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ หรือจะจัดเตียง King Size กว้างๆ วางกลางห้องไปเลยซักหลัง
6. Visionary - บางครั้งเราก็อดไม่ได้ที่จะหยิบกระดาษกับปากกาขึ้นมาจดไอเดียดีๆ ที่ผุดขึ้นมาในช่วงก่อนนอน ห้อง Type 1F-3 จึงถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ทั้งการพักผ่อน และการทำงานที่มีประสิทธิภาพ ด้วยผนังกระจกเข้ามุม เปิดรับวิวเมือง สามารถตั้งโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ได้สบาย
ห้องตัวอย่าง Type 1F-1M
สรุปทุกประเด็นของ XT Phayathai
ทำเลที่น่าจับตามองสำหรับนักลงทุน
- หนึ่งในความน่าสนใจของ XT Phayathai ก็คือศักยภาพทำเล ที่มีแนวโน้มจะเติบโตได้ใกล้เคียงกับย่านสุดไพร์มอย่างสุขุมวิทตอนกลาง ซึ่งมีปัจจัยหลายๆ อย่างคล้ายกัน เช่น อยู่ใกล้ Hub ในการเดินทาง ย่านการค้า และอีกหน่อยก็จะกลายเป็นแหล่งออฟฟิศขนาดใหญ่ ทีมี่สำนักงานเกรด A และโครงการมิกซ์ยูสเกิดขึ้นมากมาย
- อีกทั้งตัวเลขผลตอบแทนจากการซื้อ-ขาย และการปล่อยเช่าก็ถือว่าทำได้ดี ด้วย Capital Gain 4.4% ต่อปี และ Gross Rental Yield 3.4% ในปัจจุบัน
ประสบการณ์การอยู่อาศัยที่เหมาะกับคนรุ่นใหม่
- Co-Sharing Space ที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าของโครงการ ซึ่งมีตั้งแต่บุคลากรทางการแพทย์ พนักงานออฟฟิศ ไปจนถึงนักเรียน นักศึกษา และยังเป็นการสร้าง Community ขนาดย่อม ระหว่างลูกบ้านภายในโครงการ และต่างโครงการ ถือเป็นการขยายประสบการณ์ใหม่ๆ ไปในตัว
