BAAN NAWAT
บ้านนวัต เป็นโครงการบ้านเดี่ยวของ บริษัท พรีเมียร์ แอสเซ็ทส์ จำกัด ซึ่งมีประสบการณ์ในแวดวงอสังหาฯ อย่างยาวนาน และมีโครงการเด่นๆของบริษัทอย่างเช่นโครงการ Tamarind Village เชียงใหม่ และ Rayavadee กระบี่ เป็นต้น โดยบ้านนวัตจะมีทั้งหมดสองโครงการ คือ บ้านนวัต พระราม9 กับ บ้านนวัต เอกมัย-รามอินทรา ซึ่งทั้งสองโครงการจะมีแบบบ้านรูปแบบเดียวกันแตกต่างกันที่ขนาด ข้อเด่นของบ้านคือ เน้นเรื่องการประหยัดพลังงาน และความกลมกลืนกับสภาพแวดล้อม อีกทั้งยังมีจำนวนหลังในโครงการที่น้อยมาก เพียง 6-8 หลัง เท่านั้น
ราคาเริ่มต้นของบ้านจะอยู่ที่ 35 ลบ. มีพื้นที่ใช้สอยอยู่ที่ 550 ตร.ม. บนที่ดิน 84 ตร.วา ในทำเลที่ใกล้กับถนนใหญ่ทั้งสองโครงการ ทำให้การเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวสามารถทำได้โดยสะดวกในระดับหนึ่ง ในครั้งนี้ทาง Realist จะมาวิเคราะห์ถึงประเด็นเด่นๆเกี่ยวกับโครงการนี้ให้ผู้อ่านได้ใช้พิจารณาเปรียบเทียบกับโครงการอื่นๆที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน โดยในบทความจะเน้นเรื่องการวิเคราะห์จุดเด่น จุดด้อยของตัวบ้านเป็นหลัก มากกว่าการเน้นเรื่องทำเล เพราะโครงการมีการออกแบบตัวบ้านได้น่าสนใจ โดยเฉพาะเรื่องการประหยัดพลังงาน หรือแนวคิดแบบ Sustainable Design
.
Fact
Project Name : Baan Nawat (บ้านนวัต)
Developer : บริษัท พรีเมียร์ แอสเซ็ทส์ จำกัด
1. เอกมัย-รามอินทรา
Location : Ramkhamhaeng21 Wangthonglang Bangkapi Bangkok
Land area 1 : 1-3-99 ไร่
No. of Units : 6 หลัง
Unit Type : 1 Type (660 ตร.ม.)
2. พระราม 9
Location : Krungthep Kreetha 8 Lane 14 Huamark Bangkapi Bangkok
Land area : 2-0-0 ไร่
No. of Units : 8 หลัง
Unit Type : 1 Type (550 ตร.ม.)
Facilities : Access control, 24-hours security , CCTV , Electrical Fencing
Expected Completion : สร้างเมื่อเริ่มจองและทำสัญญากับโครงการ ใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 1 ปีครึ่ง
Common Expense : ราคาเริ่มต้น 35 ลบ. , ค่าสาธารณูปโภค พระราม9= 10,000บ./เดือน ,เอกมัย-รามอินทรา= 14,000บ./เดือน, เงินจอง = 500,000 บ. , ทำสัญญา = 500,000 บ.
บ้านนวัต มาจากคำว่า "บ้านนวัตกรรม" ครับ เพราะที่นี่มีจุดเด่นในเชิง detail ในการประหยัดพลังงานอยู่มากจริงๆ (Eco Friendly Home) ซึ่งเดี๋ยวเราจะมาเล่าให้ฟังเป็นข้อ ๆ อีกทั้งยังมีข้อดีคือ เป็นบ้านหรูที่มีจำนวนหลังภายในโครงการน้อย มีความน่าเชื่อถือของแบรนด์ ซึ่งแบรนด์ Premier Assets นั้นมีประสบการณ์ในด้านอสังหาฯ ที่ยาวนาน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็น โรงแรม และรีสอร์ท
การวางผังของอาคารก็เป็นอีกหนึ่งข้อเด่น คือการวางอาคารตามทิศลมแดดโดยด้านยาวถูกวางให้ขวางตะวัน บ้านจึงได้รับลมอย่างเต็มที่ และมีสภาวะน่าสบาย หรือในเรื่องของขนาดพื้นที่ใช้สอยที่ให้มาอย่างครบครัน ตอบโจทย์กับครอบครัวแบบขยายที่มีตั้งแต่สามช่วงวัยขึ้นไป คือ วัยเด็ก วัยรุ่น วัยผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ
.
1. สร้างโดย Premier Assets ซึ่งมีประสบการณ์ในแวดวงอสังหาอย่างยาวนาน
.
โครงการในเครือ Premier Assets
99 Residence , Rama9
โครงการบ้านพักอาศัยบนถนนพระราม 9 บ้านหรูระดับ Luxury โดยมีสภาพแวดล้อมคล้ายกับชุมชนขนาดเล็กที่มีคุณภาพ สงบ และ เป็นส่วนตัว ราคาเริ่มต้น 50 ลบ.
Ratavadee , Krabi
รีสอร์ทหรู ตั้งอยู่บนแหลมพระนางบริเวณชายฝั่งทะเลอันดามัน จังหวัดกระบี่ ออกแบบเป็นบ้านพักแบบ Tropical Design ท่ามกลางต้นไม้ และวิวทะเล
Tamarind Village , Chiang Mai
แทมมาริน วิลเลจ เป็นโรงแรมขนาดเล็กภายในเมืองเก่าของเชียงใหม่ ห้องพัก 41 ห้องและห้องสวีท 5 ห้อง การออกแบบเน้นความเรียบง่ายแฝงด้วยรายละอียดของสถาปัตยกรรมแบบพื้นถิ่น
.
2. เป็นบ้านหรูแบบ Luxury Compound จำนวนหลังน้อย ความเป็นส่วนตัวสูง
.
อะไรคือ Luxury Compound ?
Luxury Compound เป็นโครงการบ้านหรูแบบปิด (มีรั้วรอบโครงการ) มีจำนวนหลังที่ไม่เยอะ ส่วนใหญ่จะมี Location อยู่ในเมือง และให้ spec วัสดุที่ราคาค่อนข้างสูง ส่วนใหญ่จะเป็นรูปแบบบ้านเดี่ยว
ตัวอย่างโครงการแบบ Luxury Compound
Quarter Thonglor , ทองหล่อ 25
Parc Priva , ถ.เทียมร่วมมิตร
The Honor , ลาดพร้าว 81
BANN NAWAT ทั้ง 2 โครงการมีจำนวนบ้านเพียง 8 หลัง กับ 6 หลังเท่านั้น
BANN NAWAT เอกมัย-รามอินทรา
BANN NAWAT พระราม 9
เนื่องจากบ้านมีจำนวนหลังที่น้อย จึงมีข้อดีคือ ตัวโครงการมีความเป็นส่วนตัวที่ค่อนข้างสูง สงบ เพราะทุกหลังมีสระว่ายน้ำของตัวเองอยู่แล้ว ค่าส่วนกลางจึงมีเพียง รปภ. รักษาความปลอดภัย และประตูรั้วทางเข้าโครงการก็สามารถ ควบคุมผ่านรีโมท ดูผ่านจอในบ้านได้ ถ้าเพื่อนมาบ้าน เราก็สามารถเปิดประตูรั้วใหญ่ให้เองได้เลย
การซื้อบ้านจะเป็นแบบสั่งสร้าง โดยจองและทำสัญญากับโครงการ ใช้เวลาสร้างประมาณ 1 ปีครึ่ง พื้นที่แต่ละแปลงลงเสาเข็มไว้แล้วทั้งหมด ทำให้ไม่มีปัญหาเรื่องฝุ่นเมื่อทำการก่อสร้าง และโครงการยังแยกทางเข้าไว้อีกด้วย
.
3. บ้านหลังใหญ่ พื้นที่ใช้สอยสมราคา
พื้นที่ใช้สอยของโครงการบ้านนวัตจะแบ่งเป็น 2 ขนาดคือ โครงการบ้านนวัต พระราม 9 จะมีพื้นที่ 550 ตร.ม. (กว้าง 12.3 ม. ลึก 27 ม.) และ เอกมัย-รามอินทรา จะมีพื้นที่ 660 ตร.ม. (กว้าง 13 ม. ลึก 34 ม.) โดยพื้นที่ Highlight หลักๆที่จะกล่าวถึงในบทวิเคราะห์ทั้งหมด 4 จุด คือ
1. Swimming Pool
2. ส่วน Living & Dining Area
3. Master Bedroom
4. Bedroom 3
ซึ่งแต่ละส่วนของบ้านก็ยังมีการออกแบบที่คำนึงเรื่อง Sustainable อยู่เป็นหลัก ทำให้บ้านเกิดสภาวะน่าสบาย และประหยัดพลังงาน
ในส่วนของการวิเคราะห์ ทาง Realist จะเลือก Site พระราม9 ในการวิเคราะห์เป็นหลัก เนื่องจากเป็นโครงการที่มีบ้านตัวอย่างตั้งอยู่ ทำให้เห็นภาพทั้งเรื่องการวางผัง และลักษณะของตัวบ้าน
.
Surroundings
.
โครงการบ้านนวัต พระราม9 ตั้งอยู่ในย่านกรุงเทพกรีฑา ภายในซ.กรุงเทพกรีฑา 8 แยก 14 เลี้ยวเข้ามาจากมอเตอร์เวย์ ตามป้ายถ.กรุงเทพกรีฑา เข้ามานิดเดียว โครงการอยู่ซ้ายมือ การสัญจรหากเดินทางด้วยรถส่วนตัวจะสะดวกที่สุด สามารถทะลุได้หลายเส้นทางทั้ง พระราม 9, ศรีนครินทร์, รามคำแหง และในอนาคตบริเวณ ถ.กรุงเทพกรีฑาตัดถ.ศรีนครินทร์ จะมีเส้นรฟฟ. สายสีเหลือง สถานีศรีกรีฑา (BTS) ตัดผ่าน
นอกจากรฟฟ.แล้ว ย่านนี้ยังมีถนนเส้นใหม่ที่กำลังตัดผ่าน คือ ถ. ศรีนครินทร์-ร่มเกล้า ซึ่งสร้างมาช่วยเรื่องการจราจร ระบายรถในพื้นที่กรุงเทพฯโซนตะวันออก น่าจะแล้วเสร็จทุกเฟสปี 2561 บริเวณโดยรอบโครงการส่วนใหญ่เป็นบ้านพักอาศัย 2-3 ชั้น ซอยกรุงเทพกรีฑา 8 แยก 14 นี้ถือเป็นซอยที่มีบ้านเดี่ยวหลังใหญ่ ราคาแพงอยู่หลายหลัง หนึ่งในนั้นก็คือ บ้านของคุณแอ๊ว ศุภลักษณ์ อัพพุชแห่งเดอะมอลล์ กรุ๊ปนั่นเอง
อ่านบทความเรื่องย่านกรุงเทพกรีฑา คลิก
.
Master Plan
การวางผังของโครงการถือว่าทำออกมาได้ค่อนข้างดี อาจด้วยลักษณะของขอบเขตที่ดินโครงการที่เป็น สี่เหลี่ยมจตุรัส ทำให้สามารถบริหารจัดการได้ง่าย โครงการเลือกออกแบบบ้านให้เป็นแนวยาวบนที่ดินที่ถูกแบ่งแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้า โดยวางแบบขวางตะวัน ซึ่งถูกต้องตามหลัก Orientation ทำให้บ้านไม่ร้อน และลมเข้าตลอดปี
การวาง Function ของตัวบ้าน เลือกหันสระว่ายน้ำมาเจอกัน เพราะเป็นส่วนเปิดโล่งของแต่ละหลัง การวางแปลนแบบนี้มีทั้งข้อดีและข้อด้อย ข้อดีคือ ทุกบ้านมีความโปร่งโล่ง บ้านดูห่างกันมากขึ้นไปอีก แต่ข้อด้อยคือเวลาเรายืนอยู่ชั้นบนก็จะเห็นอีกบ้านว่ายน้ำอยู่ ในทางกลับกันเค้าเห็นเราเหมือนกัน เรียกว่าความ Private ลดลงเล็กน้อย
.ด
เปลือกอาคารและงานดีไซน์
1) ด้านหน้าของตัวบ้าน
ชั้น1 จะเป็นส่วนของที่จอดรถ ซึ่งจอดได้ประมาณ 3 คัน ประตูเป็นแบบอัตโนมัติ (ถ้ามีคนเดินผ่าน ประตูจะเลื่อนกลับทันที เป็นระบบ security กันคนโดนหนีบ)
ทางด้านขวามือเป็นห้องเครื่อง ถัดไปด้านในเป็นสระว่ายน้ำที่ถูกกั้นด้วยฉากลายฉลุ ซึ่งทำให้เกิดความเป็นส่วนตัวได้ในระดับหนึ่ง
ส่วนชั้น 2 ของบ้านด้านนี้จะเป็นห้อง Master Bedroom ซึ่งเป็นอีกหนึ่งส่วน Highlight ของโครงการ ด้านนอกเป็นส่วนระเบียง ซึ่งใช้ระแนงไม้กั้นไว้ เพื่อบังแดด และสร้างความเป็นส่วนตัว
2) ด้านข้างของตัวบ้านฝั่งสระว่ายน้ำ
เป็นด้าน Highlight ของบ้าน เนื่องจากมีช่องเปิดมากที่สุด ด้านซ้ายมือของภาพ ส่วนระแนงทำหน้าที่เป็นการ Decoration และช่วยบังแดดให้แก่ห้องนอนได้ในระดับหนึ่ง
ส่วนตรงกลางจะเป็นโถงบันได ซึ่งในชั้น 2 จะเป็นส่วน Family Area ซึ่งการมีช่องเปิดค่อนข้างใหญ่ ทำให้ส่วนนี้ได้รับแสงสว่างอย่างเต็มที่ในตอนกลางวัน
และส่วนที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดในด้านนี้คือระเบียงยาวเชื่ิอมต่อทุกห้อง ซึ่งถูกออกแบบให้ยื่นออกมารอบบ้านทั้งชั้น 2 และชั้น 3 โดยถือว่ามีขนาดที่ใหญ่พอสมควร
3) รูปด้านฝั่ง Service
เป็นด้านที่มีช่องเปิดน้อยที่สุด
แต่ก็ยังถูกออกแบบให้มีเส้นสายจากการลดหลั่นกันของ Function ด้านใน ช่องเปิดที่ชั้นสองเป็นบริเวณโถง Family Area ซึ่งทำให้ได้รับแสงสว่างจากทั้งสองด้าน
ด้านล่างของบ้านเป็นห้องแม่บ้านและครัว ทำให้ค่อนข้างปิดทึบ โครงการเลือกด้านนี้ของบ้านหันหน้าเข้าหากันในผัง
.
วิเคราะห์ผัง ดูภาพรวม
เมื่อทำการคลี่ผังของบ้านออกมาเพื่อดูแต่ละจุด จะพบว่าจุดเด่นของบ้านหลังนี้อยู่ที่การวาง Function อย่างเต็มพื้นที่ และแบ่งสัดส่วนอย่างเป็นระบบ ปกติแล้วบ้าน Luxury แบบนี้จะชอบทำ Double Volume บริเวณโถงรับแขกหรือส่วนรับประทานอาหารเพื่อทำพื้นที่ให้ดูโปร่ง โล่ง แต่ข้อเสียคือพื้นที่ชั้นสองจะหายไปค่อนข้างเยอะ ซึ่งการที่บ้านหลังนี้ไม่มี Double Volume ก็ถือเป็นข้อดีที่ทำให้สามารถใช้งานชั้นสองได้อย่างเต็มที่
ในรูปส่วนต่างๆของบ้านจะถูกแบ่งสีเพื่อพิจารณาเป็นโซนๆ ดังนี้
1) ส่วนสีแดง Semi-Public Area (พื้นที่กึ่งสาธารณะ เป็นพื้นที่กลางที่อาจจะมีบุคคลภายนอกเข้ามาใช้ได้บ้าง)
2) ส่วนสีเหลือง Public Area (พื้นที่สาธารณะ ทุกคนในบ้านรวมถึงแขกจากภายนอกสามารถใช้งานได้อิสระ)
3) ส่วนสีม่วง Service Area (พื้นที่หลังบ้าน เช่นห้องครัว และซักล้าง)
4) ส่วนสีส้ม Semi-Private Area (พื้นที่กึ่งส่วนตัว เป็นส่วนกลางสำหรับให้คนในบ้านใช้งานเท่านั้น)
5) ส่วนสีเขียว Private Area (พื้นที่ส่วนตัว เป็นห้องส่วนตัวของแต่ละบุคคลภายในบ้าน)
.
เปิดบ้าน ดูส่วนที่เป็นไฮไลท์
1) Swimming Pool ขนาด 11 x 3 ม.
สระว่ายน้ำ ขนาด 11 x 3 ม. วางเป็นแนวยาวขนานไปกับตัวบ้าน จากที่เห็นพบว่าขนาดของสระอาจดูไม่ได้ใหญ่มาก ว่ายแบบเต็มสตรีมอาจจะยาก จึงเหมาะสำหรับใช้งานเบาๆ อย่างการว่ายเล่นเพื่อพักผ่อน หรือทำเป็น Pool Party
ในรูปที่สอง จะพิจารณาความเป็นส่วนตัวของสระว่ายน้ำซึ่งติดกับที่ดินของอีกหลัง ตามในผังคือสระว่ายน้ำของทั้งสองหลังจะอยู่ติดกัน โดยสระว่ายน้ำทั้งสองจะทำหน้าที่เป็นตัวกั้นให้ระยะห่างของอาคารอยู่ไกลจากกัน และมีทัศนียภาพที่ดี แต่เมื่ออยู่ชั้นที่ 2 และ 3 ของบ้านจะสามารถมองลงมาเห็นผู้ที่กำลังใช้งานสระว่ายน้ำอยู่
2) Living & Dining Area ขนาด 40 ตร.ม.
ส่วนรับแขกและรับประทานอาหาร ด้วยขนาดพื้นที่ 40 ตร.ม. ถือว่าเป็นพื้นที่ขนาดปานกลาง หากมองจากผังแล้วเปรียบเทียบโดยรวม อาจจะดูเล็กไปสักหน่อยสำหรับบ้านราคาระดับนี้ สังเกตว่าตอนนี้ใส่โต๊ะอาหาร 4 ที่นั่งพร้อม bench แบบไม่มีพนักทำให้ space โล่ง แต่ถ้าใส่โต๊ะทานอาหารตัวใหญ่ขึ้น บวกกับเก้าอี้มีพนักพิง ก็อาจจะดูเต็มห้องทีเดียว
ข้อดีของผังนี้คือ ความรู้สึกเชื่อมต่อระหว่างส่วนกลางของบ้านกับสระว่ายน้ำภายนอก ทั้งเรื่องแสงสว่าง และลม ก็ได้รับอย่างเต็มที่ ทำให้เกิดสภาวะน่าสบายขึ้นภายในบ้าน และให้ความรู้สึกน่าใช้งาน
3) Master Bedroom ขนาด 30 ตร.ม.
ห้องนอนใหญ่ เป็นอีกส่วนหลักของบ้าน ถูกออกแบบมาให้กินพื้นที่ครึ่งหนึ่งของชั้นสอง ความสูงจากพื้นถึงฝ้าของห้องจะอยู่ที่ 2.8 ม. จุดเด่นคือมีห้อง Walk-in Closet ขนาดใหญ่ เชื่อมต่อกับห้องน้ำ (จริงๆแนะนำว่าน่าจะมีประตูเข้า walk-in closet แยกอีกทาง จะสะดวกกว่า) รวมถึงระเบียงนั่งเล่นภายนอก ที่มีขนาดใหญ่เช่นเดียวกัน
เมื่อพิจารณาจากผังแล้ว ห้องนี้ถือว่าทำได้ดี เนื่องจากถูกวางไว้เป็นห้องหัวมุม (สิ่งนี้เป็นข้อเด่นเลย คือ สถาปนิกคิดมาแล้วว่าห้องนอนทุกห้องถูกทำให้เป็นห้องหัวมุม มีความ Private) ทำให้สามารถเปิดรับมุมมองภายนอกได้อย่างเต็มที่ และก็ได้รับแสงธรรมชาติอย่างเต็มที่เช่นเดียวกัน แต่ตัวบ้านมีระแนงอลูมิเนียมลายไม้กั้นซึ่งช่วยลดความร้อนจากแสงแดดได้ในระดับหนึ่ง
4) Bedroom 3 ขนาด 30 ตร.ม.
ห้องนอนในชั้น 3 โดยภาพรวมถือว่าทำออกมาได้ลงตัวกว่า Master Bedroom ในชั้น 2 เนื่องจากลดขนาด Walk-in Closet ลง เอาอ่างอาบน้ำออก ทำให้พื้นที่ภายในห้องนอนโปร่งและดูกว้างขึ้น
ด้านนอกห้องเป็นระเบียงนั่งเล่นขนาดใหญ่ การออกแบบห้องนอนนี้ ทำมาเพื่อรองรับการใช้งานของเจนเนอเรชั่นรุ่นลูกที่เพิ่งเริ่มมีครอบครัว หรือเพิ่งแต่งงาน ต้องการพื้นที่ส่วนตัว แต่ก็ยังคงอยู่ร่วมกันภายในครอบครัวใหญ่
5) ลิฟท์ขนาดเล็ก (Home Lift) แต่รองรับการใช้งานรถเข็นวีลแชร์
. 4. บ้านแนวคิด Sustainable & Eco-Friendly
กล่าวไปในตอนต้นว่านี่คือ "บ้านนวัตกรรม" จะตอบโจทย์มากถ้าคุณรักการประหยัดพลังงาน เพราะที่นี่เน้นการระบายอากาศแบบ Passive Cooling (เน้นการพึ่งพาธรรมชาติ)
อย่างแรกเลยที่โครงการทำในขั้นตอนการออกแบบคือการวางผังอาคาร และนำมา simulate ในคอม เพื่อดู Ventilation ของแดดและลม เพื่อให้บ้านอยู่สบาย ลมเข้าบ้านตลอดปี
เมื่อพิจารณาเรื่องเปลือกอาคารในหัวข้อที่ผ่านมา จะพบว่าอาคารถูกออกแบบให้กันแดด กันฝนได้จริง ทั้งการใช้ระแนงกันแดด และการยื่นพื้นอาคารออกมาเพื่อกันฝนให้ชั้นล่าง
ที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นการออกแบบขั้นพื้นฐานของบ้านเท่านั้น แต่ส่วนที่ถูกเสริมเข้ามาคือ วัสดุ และระบบต่างๆ ที่สถาปนิกโครงการนำมาใช้กับตัวบ้าน
ระบบแอร์ของบ้านทั้งหลังเป็นแบบ VRV* ซึ่งโดยปรกติเป็นการระบายความร้อนด้วยอากาศ แต่อันนี้จะเป็นการระบายความร้อนด้วยน้ำ ทำให้สามารถนำน้ำที่มีความร้อน ส่งต่อให้เครื่องทำน้ำอุ่น ทำให้ได้น้ำอุ่นใช้ฟรีๆ ซึ่งถ้าความร้อนในระบบเหลือใช้ ก็จะส่งต่อไปที่สระว่ายน้ำ กลายเป็นสระน้ำอุ่น
และยังมีการนำน้ำที่ใช้แล้วผ่าน treatment tank เป็นการบำบัดน้ำด้วยออกซิเจน ซึ่งถ้าผ่าน UV อีกที จะสามารถเป็นน้ำดื่มได้เลย! แต่ที่นี่เราเอาไว้รดน้ำต้นไม้กันครับ ถือเป็นการใช้น้ำได้คุ้มค่ามาก
นอกจากนั้นยังมีการใช้กระจกนิรภัยตัดแสง ที่มีฟิล์มตรงกลาง ลดการนำความร้อนของแดดเข้าสู่ตัวบ้าน หรือผนังสองชั้น ที่ทำจากอิฐมวลเบา และช่วยในเรื่องการระบายอากาศ เรียกได้ว่าเป็นบ้านประหยัดพลังงานที่ทำได้อย่างครบวงจร โครงการหนึ่งเลยทีเดียว
*VRV คือ ระบบปรับอากาศแบบรวมศูนย์ที่ชุดภายนอกหรือคอนเดนซิ่งหนึ่งชุดสามารถเชื่อมต่อชุดภายในหรือแฟนคอยล์ได้สูงสุดถึง 64 เครื่อง ผสานเทคโนโลยี VRT (Variable Refrigerant Temperature) ที่สามารถปรับอุณหภูมิของน้ำยาตามสภาวะอากาศ จึงช่วยให้ประหยัดพลังงานมากยิ่งขึ้น
ด้านซ้ายเป็นจอแสดงผล Report กระแสไฟฟ้าที่ได้จาก Solar cell ซึ่งเราสามารถเช็คแบบ real time จากมือถือหรือจอโทรทัศน์ (ถ้าต่อ WIFI) ได้เลย
เรียกว่าค่อนข้างใช้งานง่าย และเห็นผลเป็นรูปธรรม
1) Grill
ระแนงกันแดด นอกจากจะช่วยในการบังแดดไม่ให้เข้าสู่ตัวบ้านโดยตรงแล้ว ยังทำหน้าที่เป็นส่วน Decoration ให้กับรูปด้านอาคารอีกด้วย
ตัวบ้านถูกออกแบบมาให้ได้รับแสงสว่างอย่างเต็มที่ในตอนกลางวัน แต่ก็ยังมีส่วนของชายคาที่ช่วยกันแดดในช่วงเวลา 8.00-16.00 น. ตัวบ้านจึงไม่ได้รับแดดโดยตรง
2) Double Wall มีช่องระบายอากาศด้วย
Double Walling หรือ ผนังสองชั้น ใช้การก่อสร้างแบบ Conventional โดยสถาปนิกเลือกวัสดุเป็น อิฐมวลเบา ข้อดีคือ กันน้ำซึม มีรูพรุนแต่ไม่ทะลุถึงกัน ทำให้ผนังหายใจได้ ช่วยระบายอากาศ และไม่อมความร้อน
ผนังสองชั้นส่วนอาคารจะใช้กับตัวบ้านในทิศตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นทิศที่ร้อนที่สุด ใช้งานร่วมกับ Double Glazing
3) Double Glazing
โครงการได้เลือกวัสดุในการก่อสร้างที่ค่อนข้างดีมาใช้ ส่วนช่องเปิดใช้กระจกสองชั้นและติดฟิล์มตรงกลาง
ตัวโครงเป็นบานกรอบอลูมิเนียมของญี่ปุ่น (Tostem) ซึ่งทำงานเหมือนระบบประตูรถยนต์ทำให้เวลาเปิดปิดทำได้เงียบ ไร้เสียงรบกวน อีกทั้งยังกันน้ำและฝุ่น และมีระบบล๊อก 3 ชั้น และกระจกนิรภัยอีกด้วย
4) Cellulose Bitumen Sheet Roof & Solar cell
ส่วนของหลังคา สถาปนิกเลือกใช้ Cellulose Bitumen Sheet Roof ยี่ห้อ Onduline ลักษณะคล้ายกับ กระเบื้องลอนเล็ก ถึงมีหน้าตาธรรมดาแต่มีจุดเด่นคือ น้ำหนักเบา ทำให้โครงสร้างหลังคาไม่รับภาระมาก รวมถึงไม่มีเสียงรบกวนเวลาฝนตก และมีฉนวนกันความร้อนภายในตัว
อีกจุดหนึ่งซึ่งเป็นข้อเด่นของตัวบ้านคือ แผง solar cell ซึ่งวางไว้ 11 แผงสร้างไฟฟ้าได้ประมาณ 3,000 watt ซึ่งนำมาใช้กับระบบบำบัดน้ำ แอร์ และตู้เย็น แต่ไม่มีแบตเตอรี่มาให้จึงสามารถใช้ได้เพียงตอนกลางวัน (วันต่อวัน) ไม่สามารถเก็บกักไฟไว้ใช้ในวันต่อไป แต่ก็มีจุดดีตรงที่เราไม่ต้อง maintenance แบตเตอรี่
5) แอร์ระบบ VRV
แอร์ระบบ VRV เป็นคอยล์ร้อนทำหน้าที่ควบคุมแอร์ทั้งหมด 11 ตัว ของบ้าน มี Cost การติดตั้งสูงกว่าระบบ split type 1.5 เท่า แต่ประหยัดไฟกว่า ซึ่งโครงการติดมาให้แล้ว จุดเด่นของระบบคือ เปิดแอร์ 1 คืน จะมีน้ำร้อนใช้ 3 วัน โดยความร้อน (ที่มีเหลือจากระบบ) จะสามารถถ่ายเทจากแอร์ไปสู่สระว่ายน้ำ ทำให้กลายเป็นสระน้ำอุ่นได้ โดยถือว่าเป็นการระบายความร้อนด้วยน้ำไปในตัว
.
5. เปิดตัว 2 ทำเล - กรุงเทพกรีฑาซ.8 และ รามคำแหง
ทั้งสองย่านเรียกว่าอยู่ในโซนกรุงเทพตะวันออก บ้านนวัตพระราม 9 อยู่ตรงซ.กรุงเทพกรีฑา 8 แยก 14 สามารถเข้า-ออกได้ 3 ทางหลัก ๆ คือ มอเตอร์เวย์ (ง่ายสุด), ทางศรีนครินทร์ตัดกรุงเทพกรีฑา ซึ่งขณะนี้ออกได้อย่างเดียว เข้าไม่ได้ เพราะกำลังทำถนนศรีนครินทร์-ร่มเกล้า รถค่อนข้างติดตอนเช้า และต่อไปตรงนี้จะมีสถานี BTS ศรีกรีฑา (สายสีเหลือง) และอีกทางคือ ซ.รามคำแหง 60
ส่วนบ้านนวัตเอกมัย-รามอินทรา อยู่ตรงซ.รามคำแหง 21 แยก 9 สามารถเข้า-ออกได้ 2 ทาง คือ ถ.รามคำแหงและถ.ประดิษฐ์มนูธรรม ถ้าคุณทำงานตรงพระราม 9 ตรงนี้ถือว่าสะดวกมาก
.
พระราม 9
ข้อดีของย่านพระราม 9 คือ อยู่ใกล้กับ แอร์พอร์ตลิงค์สถานีหัวหมาก (ปัจจุบัน) มีทั้งรถไฟฟ้าใหม่และถนนใหม่ ทำให้บริเวณโดยรอบเริ่มพัฒนาและขยับขยายตัวขึ้นเรื่อยๆ
ส่วนการเดินทางสัญจรด้วยรถยนต์ ก็ถือว่าสามารถเดินทางได้สะดวกพอสมควร จากการที่โครงการอยู่ใกล้กับจุดขึ้น-ลง ทางด่วน ในเรื่อง Facilities ก็มีเด่นๆเช่น The Nine และ Curve ซึ่งเป็น Community mall ขนาดเล็กในซอยกรุงเทพกรีฑา 7 ให้เลือกจับจ่ายใช้สอยกัน
เศรษฐสิริ กรุงเทพกรีฑา
เจ้าของโครงการ : บริษัท แสนสิริ จำกัด มหาชน
ราคา : 8.39 - 25 ลบ.
จำนวนหลัง : 314 หลัง
พื้นที่ใช้สอย : 156 - 393 ตร.ม.
หลังใหญ่สุดมีการจัดสรรพื้นที่ได้ค่อนข้างลงตัว ข้อดีคือราคาถูกกว่า แต่จะได้พื้นที่ใช้สอยที่น้อยกว่า ไม่มีสระว่ายน้ำส่วนตัว และมีจำนวนหลังที่ค่อนข้างเยอะ คือ 314 หลัง เมื่อเทียบกับโครงการบ้านนวัต ซึ่งมีเพียง 6-8 หลัง ทำให้ด้อยกว่าในเรื่องความเป็นส่วนตัว
บางกอก บูเลอวาร์ด พระราม 9
เจ้าของโครงการ : บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
ราคา : 27.9-45 ลบ.
จำนวนหลัง : 52 หลัง
พื้นที่ใช้สอย : 399 - 693 ตร.ม.
มีขนาดใกล้เคียงกับโครงการบ้านนวัต หลังใหญ่สุดมีขนาดที่ใหญ่กว่าและราคาแพงกว่า แต่ไม่มีสระว่ายน้ำส่วนตัว รวมถึงมีจำนวนหลังที่เยอะกว่า แต่มีข้อเด่นคือส่วนกลางของบ้านที่กว้างและเป็นสัดส่วนมากกว่าโครงการบ้านนวัต
เนอวานา บียอนด์ ไลท์ พระราม 9
เจ้าของโครงการ : เนอวานา ดีเวลลอปเมนท์
ราคา : 17-30 ลบ.
จำนวนหลัง : 156 หลัง
พื้นที่ใช้สอย : 270 - 418 ตร.ม.
ตัวบ้านค่อนข้างใหญ่ และมีถึง 3 ชั้น จำนวนหลังค่อนข้างเยอะ เมื่อเทียบกับโครงการบ้านนวัต ทำให้ความเป็นส่วนตัวอาจน้อยกว่า อีกทั้งยังไม่มีสระว่ายน้ำส่วนตัว ราคาถูกกว่าและขนาดเล็กกว่า
.
เอกมัย-รามอินทรา
ย่านรามคำแหง 21 หรือที่เรียกกันว่า รามฯ21 ถือเป็นย่านที่มีความพลุกพล่าน และเต็มไปด้วยอาคารพักศัยเป็นส่วนใหญ่ ทำให้ Facilities โดยรอบค่อนข้างครบครันพอสมควรและเข้าเมืองสะดวก
ในอนาคตบริเวณถ.รามคำแหงจะมีรฟฟ.สายสีส้มตัดผ่าน สถานีที่ใกล้โครงการที่สุดคือสถานีรามคำแหง 12 ทำให้การเดินทางเข้าตัวเมืองเป็นไปอย่างสะดวกมากยิ่งขึ้น และหากใช้การเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวเป็นหลักก็สามารถทำได้โดยสะดวกเนื่องจากอยู่ใกล้กับจุดขึ้น-ลง ทางด่วน และถ.พระราม 9
เดอะ เจนทริ พระราม 9
เจ้าของโครงการ : บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
ราคา : 27-50 ลบ.
จำนวนหลัง : 13 หลัง
พื้นที่ใช้สอย : - ตร.ม.
มีการวางผังค่อนข้างใกล้เคียงกับโครงการบ้านนวัต มีสระว่ายน้ำส่วนตัว ราคาใกล้เคียงกัน แต่มีจำนวนหลังที่มากกว่าเล็กน้อย
อาเทลล์ พัฒนาการ-ทองหล่อ
เจ้าของโครงการ : อนันดา ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)
ราคา : เริ่มต้น 28 ลบ.
จำนวนหลัง : 49 หลัง
พื้นที่ใช้สอย : 395-450 ตร.ม.
มีขนาดพื้นที่ใกล้เคียงกับบ้านนวัต เมื่อดูจากผังให้ความรู้สึกว่ากว้างกว่า ใช้งานพื้นที่ได้เต็มประสิทธิภาพกว่า จำนวนหลังมากกว่า อยู่ที่ 49 หลัง
บ้านอิสสระ พระราม9
เจ้าของโครงการ : ชาญอิสสระ
ราคา : เริ่มต้น 80-132 ลบ.
จำนวนหลัง : 20 หลัง
พื้นที่ใช้สอย : 700-842 ตร.ม.
โครงการนี้มีขนาดพื้นที่ใหญ่กว่าบ้านนวัต และราคาสูงกว่า อาจเทียบกันได้ยากสักหน่อย แต่หากดูเรื่องการวางผังและสัดส่วนของพื้นที่ใช้งาน ถือว่าทำได้ลงตัว จำนวนหลังของบ้านมีมากกว่าเล็กน้อย
.
สรุปทุกประเด็นของโครงการบ้านนวัต
โครงการบ้านนวัต ถือว่าเป็นอีกหนึ่งโครงการทางเลือก สำหรับผู้ที่ชื่นชอบบ้านที่มีการออกแบบที่เรียบง่าย บริเวณโดยรอบสงบ และมีจุดเด่นด้านการประหยัดพลังงานแบบครบวงจร
ขนาดพื้นที่ใช้สอยถือว่าค่อนข้างเยอะ และเพียงพอต่อความต้องการของครอบครัวแบบขยาย เรื่องทำเลถือว่ากลางๆ หากเดินทางด้วยรถยนต์จะถือว่าสามารถเดินทางได้โดยสะดวกพอสมควร จากจุดขึ้นลงทางด่วนซึ่งอยู่ใกล้โครงการ
เมื่อพิจารณาเรื่องราคา โครงการบ้านนวัต อาจมีราคาที่สูงเมื่อเทียบกับคู่แข่งรอบๆ แต่หากเทียบเรื่องความ Private, จุดเด่นเรื่อง Eco Friendly และรูปแบบของบ้านที่ได้มา ก็ถือว่าอยู่ในราคาที่ค่อนข้างสมเหตุสมผล
เนื่องจากมีการใช้วัสดุที่ช่วยในการประหยัดพลังงานอยู่หลายจุดด้วยกัน โดยรวมเรียกได้ว่า เป็นบ้าน Green ที่เด่นเรื่องฟังก์ชั่น เหมาะกับครอบครัวแบบขยายที่มีกลุ่มอายุที่แตกต่างกันอาศัยอยู่ร่วมกัน