realist-blog-logo
facebook-logo youtube-logo instagram-logo line-logo tiktok-logo
thelist-logo
 (222)
 (319)
 (394)
 (29)
 (12)
 (4)
 (19)
 (202)
 (55)
 (29)
 (6)
 (5)
 (9)
 (51)
 (9)
 (34)
 (27)
 (9)
 (9)
 (183)
 (85)
 (112)
 (106)
 (42)
 (17)
 (45)
 (24)
 (41)
 (19)
 (19)
 (13)
 (36)
 (13)
youtube-icon instagram-icon line-icon tiktok-icon
realist-blog-logo
 (222)
 (319)
 (394)
 (29)
 (12)
 (4)
 (19)
 (202)
 (55)
 (29)
 (6)
 (5)
 (9)
 (51)
 (9)
 (34)
 (27)
 (9)
 (9)
 (183)
 (85)
 (112)
 (106)
 (42)
 (17)
 (45)
 (24)
 (41)
 (19)
 (19)
 (13)
 (36)
 (13)
youtube-icon instagram-icon line-icon tiktok-icon

New Iconic Building 41,700 ตร.ม. เติมเต็มทำเล "สะพานควาย"

15 Jun 2023

New Iconic Building 41,700 ตร.ม. เติมเต็มทำเล "สะพานควาย"

15 Jun 2023
 
 
"สะพานควาย" หนึ่งในทำเลของกรุงเทพ ที่มีประวัติความเป็นมา มาอย่างยาวนาน รวมไปถึงยังมีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหลังจากมีรถไฟฟ้าสายสีเขียว (BTS) ตัดผ่านสะพานควาย โซนนี้ก็เริ่มมีสีสันและเติบโตมากขึ้น มีผู้พัฒนาหลายเจ้า เข้ามาจับจองที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการต่างๆ บนทำเลนี้ ทั้งที่อยู่อาศัย และอาคารสำนักงาน ทำให้ย่านนี้เป็นทั้งโซนอยู่อาศัย และย่านธุรกิจไปในตัว
นอกจากนี้ยังส่งผลให้ราคาที่ดินในปัจจุบันดีดตัวขึ้นสูงถึง 800,000 บ./ตร.ว.ไปแล้ว และหนึ่งในผู้พัฒนาที่บุกเบิกบนสะพานควายยุคแรกๆ อย่าง บริษัท ศรีศุภราช จำกัด ที่พัฒนาโครงการ Mixed-Use บนที่ดินติดแยกสะพานควาย มาตั้งแต่ปี 2500 แล้ว
ต่อมาในปี 2563 ศรีศุภราช come back อย่างยิ่งใหญ่อีกครั้ง พร้อมกับการปลุกสะพานควายด้วย Mixed-Use โครงการใหม่อย่าง“ THE RICE by SRISUPHARAJ (เดอะ ไรซ์ บาย ศรีศุภราช) ”  โดยโครงการกำลังจะสร้างเสร็จ พร้อมให้ทุกคนได้ใช้งานในช่วงปลายปี 2566
ตัวโครงการหลักๆ จะเป็นสำนักงานสูง 26 ชั้น แบ่งเป็น พื้นที่อาคารสำนักงานให้เช่า 22 ชั้น และโซนรีเทล 4 ชั้น รวมโซนชั้นใต้ดินอีก 1 ชั้น ส่วนตัวอาคารมีความเป็น Iconic Building มาพร้อมภาพจำที่เป็นเมล็ดข้าว ได้แรงบันดาลใจมาจากประวัติของสะพานควายในอดีต
ส่วนภายในโครงการ และรายละเอียดของทำเลสะพานควายจะเป็นอย่างไร ติดตามต่อได้ในบทความเลยครับ

"ศรีศุภราช" ผู้มาปลุกสะพานควายด้วยโครงการ "The Rice"

ชื่อ "สะพานควาย" ถูกเรียกมาตั้งแต่ก่อนปี 2479 สาเหตุมาจาก ในสมัยนั้นโซนนี้เป็นทุ่งนาขนาดใหญ่ มีชื่อว่า “ทุ่งศรีศุภราช” และกลางทุ่งนี้มีสะพานไว้สำหรับให้ควายข้ามคูส่งน้ำ จึงเรียกว่าสะพานควาย
ต่อมาในปี 2479 มีการสร้าง ถ.พหลโยธิน ขึ้นมาตัดกับ ถ.ประดิพัทธ์ ที่อยู่บนย่านสะพานควาย ทำให้เกิด "แยกสะพานควาย" ขึ้นในปีนี้
หลังจากมีการเกิดขึ้นของ ถ.พหลโยธินขึ้น ทำให้ในช่วงปี 2480 - 2511 ทั้งแนวถ.พหลฯ และ ถ.ประดิพัทธ์ เริ่มมีตลาด และอาคารพาณิชย์เกิดขึ้น ส่งผลให้สะพานควายกลายเป็นย่านช้อปปิ้งของผู้คนในสมัยนั้นเลยก็ว่าได้
ในช่วงเวลานั้นปี 2505 บริษัท ศรีศุภราช จำกัด ได้ซื้อที่ดินติดแยกสะพานควาย และเตรียมพัฒนาเป็นโครงการ Mixed-Use
ต่อมาในช่วงปี 2512 - 2523 สะพานควายเริ่มมีสีสันและความคึกคักมากขึ้น เพราะเริ่มมีสถานบันเทิงอย่างโรงภาพยนตร์ ที่มีการปิดให้บริการถึง 6 แห่งบนทำเลนี้ ในช่วงปีดังกล่าว ถือเป็นย่านสังสรรค์ของผู้คนในยุคนั้น
ถัดมาในปี 2525 ทางบริษัทศรีศุภราชได้พัฒนาเป็นโครงการ Mixed-Use ในชื่อว่า "ศรีศุภราชอาเขต" ภายมีทั้งห้างสรรพสินค้า และอาคารสำนักงาน
และในปี 2528 ได้มีการเปิดบริการห้างเมอร์รี่คิงส์ บนที่ดินติดกับ ศรีศุภราชอาเขต ส่งเสริมย่านสะพานควายเป็นย่านไลฟ์สไตล์และย่านการค้าขนาดใหญ่บนเส้นพหลฯ ในยุคนั้น
ปี 2537 เกิดโครงการอาคารสำนักงานขึ้นบนสะพานควาย โครงการแรก คือ ชินวัตร ทาวเวอร์ 2 ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการเป็นทำเลธุรกิจ
ปี 2542 ได้มีการสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียว ตัดผ่านแยกสะพานควาย ส่งผลให้ที่ดินย่านสะพานควาย เติบโตจาก 40,000 - 50,000 บาท/ตร.วา เป็น 800,000 บาท/ตร.วา ในปัจจุบัน
หลังจากนั้น ช่วงปี 2545 - 2562 เริ่มมีโครงการคอนโดเกิดขึ้นตามแนวรถไฟฟ้า โซนสะพานควาย ทำให้กลายเป็นโซน Residential อีกโซนหนึ่ง
ในปี 2563 ที่ผ่านมา ศรีศุภราช ได้รื้ออาคาร "ศรีศุภราชอาเขต" ออก และกลับมาอย่างยิ่งใหญ่อีกครั้ง พร้อมปลุกสะพานควายด้วย Mixed-Use โครงการใหม่ บนที่ดินผืนเดิม กับโครงการ “ THE RICE by SRISUPHARAJ (เดอะ ไรซ์ บาย ศรีศุภราช) ” ปัจจุบันโครงการสร้างเสร็จ พร้อมให้ทุกคนได้ใช้งานแล้วอีกด้วย

"สะพานควาย" ในปัจจุบันกลายเป็น Hybrid Location 

ด้านจุดเด่นของโครงการ ส่วนแรกคือ ทำเลที่ตั้งแบบ Hybrid Location เป็นพื้นที่แห่งอนาคต และเป็นพื้นที่สำหรับการใช้ชีวิต ตอบโจทย์การทำงานและการใช้ชีวิตของคนยุคใหม่ ด้วยความเป็นทำเลสะพานควาย ซึ่งเป็นโซนที่อยู่ระหว่าง อารีย์ และ จตุจักร แน่นอนว่า 2 ทำเลนี้เป็นแหล่งไลฟ์สไตล์ที่สำคัญของกรุงเทพฯ เลย
โครงการ The Rice ตั้งอยู่บนแยกสะพานควาย ใกล้กับถนนหลัก 3 เส้นทาง ได้แก่ พหลฯ, สุทธิสาร และ ประดิพัทธ์ ตัวโครงการใกล้ รถไฟฟ้าสายสีเขียว สถานีสะพานควายเพียง 350 ม. และห่างจาก รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน สถานีกำแพงเพชร 1.2 กม.
นอกจากนี้สถานีสะพานควาย มีจำนวนผู้เข้ามาใช้บริการมากถึง 3.3 ล้านคน/ปี (อ้างอิงปี 2562) แสดงให้เห็นว่า มีผู้คนพลุกพล่านบนทำเลนี้ที่เยอะพอสมควรเลย
ทำเลสะพานควายเองยังเป็นโซนที่อยู่อาศัยอีกด้วย เพราะมีคอนโดบนทำเลกว่า 29 โครงการ และประชากรในเขตพญาไทมีประชากรกว่า 65,000 คน
เส้น ถ.ประดิพัทธ์ ที่ติดกับโครงการยังเป็นย่านที่มีของกินที่ราคาจับต้องได้หลากหลายสไตล์ กินได้ทั้งมื้อกลางวัน หรือจะ Hangout ตอนกลางคืนก็ยังได้ เหมาะกับพนักงานออฟฟิศ ซึ่งการมีออฟฟิศอยู่โซนนี้ถือได้ว่าเป็นตัวเลือกที่ดีเลยครับ

Street Food หลากหลาย ตลอดแนว ในระยะเดิน ราคาสบายกระเป๋า

สะพานควาย ยังเป็นอีกหนึ่งย่านที่อุดมไปด้วยร้านอาหาร Street Food ตลอดแนวเส้น ถ.ประดิพัทธ์ และ ถ.สารีรัฐวิภัค โดยร้าน Street Food เด่นๆ ดังๆ ที่อยู่ในระยะเดินใกล้ๆ ไม่เกิน 500 ม. จากโครงการ The Rice ไว้สำหรับเวลามื้อเที่ยงของชาวออฟฟิศ หรือจะหลังเลิกงาน
ฝั่ง ถ.ประดิพัทธ์ จะมีร้านดังนี้
  • ร้านมันดี - อยู่ตรงข้ามโครงการ The Rice เลย ไม่ไกล เมนูโดดเด่นเลยคือ ก๋วยเตี๋ยวต้มยำมันกุ้ง และข้าวไข่ข้น
  • ร้านเล็ก ต้มเลือดหมู - เป็นร้านดังบนสะพานควายมาช้านาน เมนูที่ทุกคนต้องลองเลยคือ เกาเหลาเลือดหมู
  • ครัวประดิพัทธ์ - ร้านอาหารไทยชื่อคุ้นหูคุ้นปากคนในสะพานควายมาช้านาน เปิดบริการตั้งแต่เที่ยงวันยันเที่ยงคืน
  • ร้านโจ๊กเจียเจีย - โจ๊กสไตล์ฮ่องกง เหมาะกับชาวออฟิศ ในช่วงเช้า กินอะไรเบาๆ ก่อนเริ่มงาน
  • ร้านนมหนม สะพานควาย - คาเฟ่ต์ขนมหวานแบบครบวงจร กินชิลๆ ได้
ข้ามมาที่ฝั่ง ถ.สารีรัฐวิภัค บ้าง
  • ร้าน Andong Jjimdak - ร้านอาหารเกาหลีแบบแท้ๆ ราคามิตรภาพ ไม่ต้องไปไกลถึงเกาหลี
  • ข้าวมันไก่ ไจแอนท์ - สำหรับใครสายกินจุ ต้องร้านนี้เลย เพราะข้าวมันไก่ร้านนี้ จานโตจนต้องร้องขอชีวิตเลย

แหล่งช้อป ที่พักผ่อนสำหรับชาวออฟฟิศ ตลอดแนวเส้นพหลฯ  

สะพานควาย นอกจากจะเดินทางได้สะดวกแล้ว ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างแหล่งช้อปขนาดใหญ่ หลายแห่ง ตลอดแนวเส้นพหลฯ เรียกได้ว่าชาวออฟฟิศไม่มีเบื่อแน่นอนหลังเลิกงาน โดยมีแหล่งช้อปดังนี้
  • Big C สะพานควาย - แหล่งช้อปสำหรับซื้อของใช้ในชีวิตประจำวัน
  • La Villa - ศูนย์รวมร้านอาหารหลากหลายสไตล์
  • ตลาดนัดจตุจักร - แหล่งช้อปขนาดใหญ่ เดินชิวๆ เพลินๆ ได้
  • Central ลาดพร้าว & Union Mall - ห้างขนาดใหญ่โซนลาดพร้าว เลือกช้อปได้ไม่มีเบื่อ
  • Jodd Fair - ตลาดนัดขนาดใหญ่ แห่งใหม่ บนที่ดินแดนนิรมิตร
และในอนาคตเส้นพหลฯ เลยสะพานควายไปหน่อย ใกล้ๆ โซนจตุจักรจะมี New Mega Project ที่เป็นโครงการ Mixed Use ด้วยกัน 3 โครงการ ได้แก่
  • Mochit Complex - กำลังก่อสร้าง คาดว่าจะเปิดในปี 2571
  • Bangkok Terminal - ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการศึกษาโครงการ
  • Bang Sue Smart City - ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการศึกษาโครงการเช่นกัน

"เมล็ดข้าวยักษ์" ภาพจำใหม่ ใจกลางสะพานควาย 

สำหรับแนวคิดในการสร้างโครงการ The Rice ทางโครงการได้ทีมสถาปนิกที่มีความชำนาญการออกแบบอาคารสำนักงานอย่าง A&A มาเป็นผู้ออกแบบอาคาร โดยให้ตัวอาคารมีเอกลักษณ์พิเศษโดดเด่นเป็นรูปทรง “เมล็ดข้าว” ซึ่งเป็นการสะท้อนถึงอัตลักษณ์ดั้งเดิมของทำเลไว้ ซึ่งแต่ก่อน ทำเลแห่งนี้เคยเป็นทุ่งนา ชื่อ “ทุ่งศรีศุภราช” นอกจากนี้ยังตรงตามแนวคิดในการพัฒนาพื้นที่บริเวณหัวมุมสี่แยกสะพานควายโดยมุ่งเน้นสร้างความอุดมสมบูรณ์ให้กับพื้นที่โดยรอบ
The Rice เปิดบริการในปี 2566 เป็นอาคารสำนักงานใหม่ที่มีรูปแบบสถาปัตยกรรมโดดเด่น และเป็นเอกลักษณ์ อีกทั้ง ด้วยรูปทรงเมล็ดข้าวมีความโดดเด่นและเป็น Iconic Landmark แห่งใหม่ของย่านสะพานควาย ซึ่งจะสร้างการเปลี่ยนแปลงภาพจำครั้งใหม่บนสะพานควาย

รูปภาพโครงการในปัจจุบัน

 

"The Rice" กับการรับรองระดับ World Class

อีกหนึ่งสิ่งการันตีการเป็นออฟฟิศเกรดเอ ระดับพรีเมียมของโครงการ The Rice เลยคือการได้รับการรับรองระดับ World Class ถึง 2 รางวัล ได้แก่
  • รางวัล LEED Gold เกณฑ์มาตรฐานรับรองอาคารเขียว ที่ได้ยอมรับในระดับโลกจากสภาอาคารเขียวสหรัฐอเมริกา (U.S. Green Building Council : USGBC)  โดยตัวอาคารเน้นไปที่การลดการใช้พลังงานโดยรวมกว่า 30% อีกทั้ง ยังมีการลดการใช้น้ำกว่า 30% เช่นเดียวกัน พร้อมกับพื้นที่สีเขียวโดยรอบอาคาร โดยออกแบบมาเพื่อช่วยลดความตึงเครียด และใช้เป็นสถานที่ผ่อนคลาย ซึ่งจะเชื่อมต่อกับพื้นที่ส่วนกลางบริเวณชั้น 8
  • รางวัล ASIA PACIFIC PROPERTY AWARDS นับเป็นรางวัลด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่และมีชื่อเสียงที่สุด ทั้งเป็นรางวัลที่ถูกยอมรับอย่างกว้างขวางทั่วทั้งโลก โดยโครงการ The Rice ได้รับรางวัลในสาขา Mixed Use Architecture For Thailamd 2023-24 

Mixed Use ที่ใหญ่ที่สุดบนสะพานควาย

โครงการ The Rice มีทั้งหมด 26 ชั้น พื้นที่โดยรวมทั้งหมด 41,700 ตร.ม. แบ่งได้เป็นดังนี้
พื้นที่ตั้งแต่ชั้นใต้ดิน B1 - ชั้น 4
  • พื้นที่ร้านค้า 6,400 ตร.ม แบ่งพื้นที่เช่าร้านได้ 28 ร้าน
  • พื้นที่จอดรถ 9,800 ตร.ม. จอดได้ 471 คัน
พื้นที่ตั้งแต่ชั้น 5 - ชั้น 26
เป็นพื้นที่เช่าสำนักงาน 24,000 ตร.ม. รองรับได้ถึง 89 ออฟฟิศ โดยในช่วงของแต่ละชั้นจะมีการแบ่งออฟฟิศที่ขนาดไม่เท่ากัน
  • ชั้น 5 - 7 ในแต่ละชั้นจะแบ่งออฟฟิศเป็น 6 ออฟฟิศ มีพื้นที่ตั้งแต่ 103 - 174 ตร.ม.
  • ชั้น 8 มีออฟฟิศถึง 8 ออฟฟิศ มีพื้นที่ 108 -143 ตร.ม.
ในส่วนชั้น 5 - 8 เหมาะสำหรับบริษัทขนาดเล็ก มีจำนวนพนักงานไม่เยอะ
  • ชั้น 9 - 22 ในแต่ละชั้นจะแบ่งออฟฟิศเป็น 4 ออฟฟิศ มีพื้นที่ตั้งแต่ 200 - 300 ตร.ม. 
  • ชั้น 23 แบ่งออฟฟิศได้ 3 ออฟฟิศ มีพื้นที่ 236 - 289 ตร.ม. เหมาะกับ
ในส่วนชั้น 9 - 23 จะเหมาะสำหรับบริษัทขนาดกลางๆ มีจำนวนพนักงานตั้งแต่ 30 - 50 คน
  • ชั้น 24 - 25 เป็นชั้นบนสุด มีออฟฟิศชั้นละ 2 ออฟฟิศ มีขนาดตั้งแต่ 300 - 500 ตร.ม. ถือว่าเป็นออฟฟิศที่พื้นที่เยอะสุดในอาคาร เหมาะสำหรับบริษัท ขนาดใหญ่ มีจำนวนพนักงานตั้งแต่ 50 คนขึ้นไป
ในส่วนของออฟฟิศจะมีราคาเช่าอยู่ที่ 760 บ./ตร.ม.
นอกจากนี้ส่วนอื่นๆ จะเป็นส่วนของ Support Area มีพื้นที่ประมาณ 1,500 ตร.ม.

ผังพื้นส่วนสำนักงาน ชั้น 5 - 26

 

รูปภาพภายในโครงการ

 

รูปภาพส่วน Retail ภายในโครงการ

 

ตัวอย่างการจัด Layout เบื้องต้นภายในส่วนออฟฟิศ 

ในภาพนี้เป็นการยกตัวอย่างการจัดออฟฟิศในชั้น 9-22 ซึ่งเป็นชั้นที่แบ่งออฟฟิศ ได้ 4 ออฟฟิศ
ส่วน Layout การจัดออฟฟิศในชั้นนี้สามารถจัดโต๊ะทำงานได้ 30 - 50 ที่นั่ง ได้พื้นที่ตั้งแต่ 200 - 300 ตร.ม. ออฟฟิศทุกห้องจะล้อมรอบด้วยกระจก Full Height สามารถรับวิวได้แบบ Panorama อีกทั้งยังโปร่งโล่ง สบายด้วยเพดานสูงถึง 3 ม.
ส่วนถ้าใครอยากจะเช่า 2 ออฟฟิศติดกัน ก็สามารถทุบผนังออก เพื่อเชื่อมพื้นที่เข้าหากันก็ยังได้ นอกจากนี้ภายในโครงการมีลิฟต์โดยสารถึง 6 ตัว เรียกได้ว่าไม่ต้องแย่งกันขึ้นแน่นอน

ตัวอย่างการจัด Layout ออฟฟิศแบบอื่นๆ

 

นวัตกรรมอาคารช่วยอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้งาน 

โครงการ The Rice ถือเป็นออฟฟิศเกรดเอ ภายในตัวอาคารมีเทคโนโลยีที่มาช่วยส่งเสริมผู้ใช้งานให้ใช้งานได้สะดวกมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีนวัตกรรมที่ช่วยลดการใช้พลังงานอีกด้วย ซึ่งเทคโนโลยีหลักๆ ของอาคารจะมีด้วยกัน 6 รายการดังนี้
  • Contactless - ระบบไร้สัมผัสตอบโจทย์ยุค New Normal หลักๆ จะใช้ในส่วนของลิฟต์ ที่เป็นแบบสแกนใบหน้า และแบบคีย์การ์ด
  • Access Control - ระบบการเข้าอาคารที่มีทั้งแบบสแกนหน้า และ QR Code
  • Smart Parking - ส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดด้วย EV-Charger จำนวน 10 ช่องจอด และ ระบบจอดที่รองรับการด้วยเงินสด, Mobile Banking, Rabbit Line Pay, Credit Card และ Debit Card
  • Air Filter - ระบบปรับอากาศที่สามารถกรองฝุ่น PM2.5 และแบคทีเรียได้
  • Smart Lighting - ระบบไฟที่ช่วยประหยัดพลังงาน และอายุการใช้งานสูง
  • Water Efficiency - ระบบหมุนเวียนน้ำ ลดการใช้น้ำในอาคาร

สนใจพื้นที่สำนักงานหรือร้านค้า แอดไลน์เพื่อนัดหมายเข้าชมพื้นที่ได้แล้ววันนี้

LINE : @thericesaphankwai  หรือ คลิก

 

โทร  :  081-860-6291  คุณวิภูษา  หรือ  096-912-1188  คุณสมภัค

 

E-Mail : [email protected]

         
Content Creator
Content Creator
ให้เราช่วยคุณหาคอนโดที่ใช่
REAL DATA รวบรวมคอนโดฯ ในกรุงเทพ นำเสนอข้อมูลอย่างเป็นระบบครบถ้วน แผนที่ที่ง่ายต่อการค้นหา รวมถึงมีราคาตลาด ยอดขายที่น่าเชื่อถือและบทความวิเคราะห์เชิงลึก ทั้งในเรื่องความน่าอยู่และน่าลงทุน

Condo Database  

Image Shortcut
Image Shortcut
ให้เราช่วยคุณหาคอนโดที่ใช่
REAL DATA รวบรวมคอนโดฯ ในกรุงเทพ นำเสนอข้อมูลอย่างเป็นระบบครบถ้วน แผนที่ที่ง่ายต่อการค้นหา รวมถึงมีราคาตลาด ยอดขายที่น่าเชื่อถือและบทความวิเคราะห์เชิงลึก ทั้งในเรื่องความน่าอยู่และน่าลงทุน

REAL DATA  

 (222)
 (319)
 (394)
 (29)
 (12)
 (4)
 (19)
 (202)
 (55)
 (29)
 (6)
 (5)
 (9)
 (51)
 (9)
 (34)
 (27)
 (9)
 (9)
 (183)
 (85)
 (112)
 (106)
 (42)
 (17)
 (45)
 (24)
 (41)
 (19)
 (19)
 (13)
 (36)
 (13)
youtube-icon instagram-icon line-icon tiktok-icon